กสทช.ไม่ฟันช่อง3 ต้องจอดำในช่อง"ดาวเทียม-เคเบิ้ล"หรือไม่
ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัล ยื่นหนังสือถึง พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.) เพื่อขอให้ฟรีทีวีระบบอนาล็อกสิ้นสุดการออกอากาศตามกฎมัส แครี่ ในช่องดาวเทียม-เคเบิล
วันนี้ (1 ก.ย.2557) ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัล ยื่นหนังสือถึง พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.) โดยมีเนื้อหาดังนี้
เรื่อง ขอให้ กสท.ยืนยันบังคับใช้มติวันที่ 3 ก.พ.2557 อย่างเคร่งครัด
โดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์(กสท.)ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมารับทราบคำสั่งของศาลปกครองกลางให้ยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราวของบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ศาลปกครองกลางได้พิจารณาแล้ว" เห็นว่ากรณียังรับฟังไม่ได้ในชั้นนี้ว่ามติหรือคำสั่งจะไม่ชอบด้วยกฏหมายแต่อย่างใด จึงไม่อาจทุเลาการบังคับใช้..." และรับทราบหนังสืออ้างของ ช่อง 3 ถึงประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 24 พ.ค.ที่ให้สถานีโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกภาคพื้นดินสามารถออกอากาศทางโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีได้นั้น
โดยทราบว่า กสท.จะมีการประชุมในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ในวาระเพื่อพิจารณาแนวทางหลังจากมติของ กสท. เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ให้ขยายเวลาเยียวยาให้ช่อง 3 ในระบบอนาล็อกยังอยู่ภายใต้กฏ Must Carry ไปอีก 100 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งมีผลทำให้สถานะของช่อง 3 ระบบอนาล็อกไม่มีสิทธิ์ในการเผยแพร่ผ่านทางโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีได้ตามปกติอีกต่อไป
ในนามของกลุ่มผู้ประกอบช่องทีวีดิจิทัลตามรายชื่อที่แนบมา ขอให้ กสท.กำกับและดูแลให้ช่อง 3 ยินยอมปฏิบัติตามประกาศต่าง ๆ ของ กสท.อย่างเคร่งครัด เพื่อทำให้เกิดความเท่าเทียมในการปฏิบัติต่อผู้รับใบอนุญาตโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลภาคพื้นดินที่มีสิทธิ์ตามประกาศของ กสท.เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2555ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป และการยึดมั่นปฏิบัติตามมติ กสท.เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2557 ให้บังเกิดผลอย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นการเร่งให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านจากโทรทัศน์ในระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้แล้ว กสท. ควรหาหนทางให้ผู้บริหารช่อง 3 พิจารณาใหม่อีกครั้ง ขอความร่วมมือและสนับสนุนกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลด้วยความจริงใจ ด้วยการนำช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศคู่ขนานในช่องดิจิทัล ช่องทีวีดิจิทัลในช่องใดช่องหนึ่งที่ช่อง 3 ประมูลมาได้ถึง 3 ช่อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการทีวีระบบอนาล็อกอีก 2 รายที่นำช่อง 7 และช่อง 9 ไปออกอากาศคู่ขนานในช่องดิจิทัลระบบ HD ที่สร้างความพึงพอใจให้ผู้บริโภคที่รับชมจากภาคพื้นดิน
กลุ่มผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัลมีความเห็นตรงกันว่า กสท.มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ตามกฏหมายในการกำกับและดูแลให้ช่อง 3 ปฏิบัติตามมติ กสท.วันที่ 3 ก.พ.2557 โดยไม่มีความจำเป็นจะต้องขยายระยะเวลาเป็นครั้งที่ 2 ในการทุเลาผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นเพียงข้ออ้างของช่อง 3 ว่าจะไม่สามารถรับชมช่อง 3 ได้ผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวีได้อีกต่อไป
รวมทั้งประกาศ คสช.ฉบับที่ 27 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2557 ที่ช่อง 3 เพิ่งขอใช้เป็นข้ออ้างในการออกอากาศผ่านโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวี ทั้ง ๆ ที่ประกาศฉบับนี้ลงวันที่ 24 พ.ค.ก่อนคำฟ้องของช่อง 3 ที่ได้ยื่นต่อศาลปกครองกลางที่มีมติรับคำฟ้องของช่อง 3 เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2557
หากพิจารณาในรายละเอียดของประกาศ คสช.ฉบับที่ 27 แล้วมีการอ้างถึงประกาศคสช.ฉบับที่ 23 พ.ค. ลงวันที่ 23 พ.ค.ที่ได้ระบุเฉพาะการอนุญาตให้ฟรีทีวีภาคพื้นดินทั้ง 6 ช่องออกอากาศได้อีกครั้ง จึงเป็นเพียงการขยายความให้เกิดความชัดเจนขึ้นในการปฏิบัติตามคำสั่งให้ฟรีทีวีภาคพื้นดินทั้งระบบอนาล็อกและเพิ่มเติมระบบดิจิทัลให้สามารถออกอากาศได้ทุกโครงข่ายเช่นเดิม แต่ไม่ได้ระบุให้หมายถึงการนำคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 27 สามารถนำไปลบล้างมติ กสท.วันที่ 3 ก.พ.แต่อย่างใด
โดยความเป็นจริงแล้วหากช่อง 3 เป็นห่วงผลกระทบต่อประชาชนและยังประสงค์จะออกอากาศผ่านโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีเช่นเดิม หลังจากศาลปกครองกลางไม่ให้การคุ้มครองชั่วคราวและครบกำหนดการทุเลามติ กสท. 3 ก.พ.ครบ 100 วันแล้ว ช่อง 3 สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปฟ้องศาลปกครองเพื่อเพิกถอนมติ กสท.วันที่ 3 ก.พ. แต่จะต้องยินยอมลดจำนวนนาทีโฆษณาในแต่ละชั่วโมงให้เหลือ 6 นาที ด้วยการดำเนินการเร่งยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ดาวเทียมในระบบบอกรับสมาชิกและเคเบิลทีวีระบบบอกรับสมาชิกเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตจาก กสท.อย่างเป็นทางการโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบกิจการโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิลทีวีสามารถนำช่อง 3 ระบบอนาล็อกไปเผยแพร่ได้อย่างถูกต้องตามประกาศทุกประการ
ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัลขอเรียนให้ กสท.ทราบถึงความห่วงใยและข้อกังวลต่อผลกระทบต่าง ๆ หาก กสท.ไม่ยึดมั่นในการกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตามประกาศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีช่อง 3 อนาล็อกที่ยืนยันไม่นำช่อง 3 อนาล็อกไปออกอากาศคู่ขนานในช่องดิจิทัลที่อาจจะทำให้กระบวนการเปลี่ียนผ่านสู่ทีวีดิจิทัลสะดุดลงได้ แล้วยังทำให้เกิดปัญหาฟ้องร้องจนทำให้ กสท.ยินยอมผ่อนผันเพื่อบรรเทาผลกระทบไปแล้ว จนทำให้เกิดการแข่งขันที่ยังไม่เท่าเทียมกันในอุตสาหกรรมนี้ตามที่ กสท.ตั้งเป้าหมายไว้
ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่กำลังประสบปัญหาทางธุรกิจอย่างรุนแรงจากการดำเนินการล่าช้าหลายเรื่องของ กสท. เช่น การแจกคูปองส่วนลดล่าช้าไปกว่า 5 - 6 เดือนแล้ว, การกำกับดูแลการขยายโครงข่ายทีวีดิจิทัลไม่เป็นไปตามกำหนด ฯลฯ หากช่อง 3 ยังได้รับการผ่อนผันไม่ต้องปฏิบัติตามประกาศฉบับต่าง ๆ หรือหากยังได้รับการคุ้มครองบรรเทาตามข้ออ้างของช่อง 3 ดังกล่าว
ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัลอาจมีความจำเป็นจะต้องพึ่งช่องทางอื่น ๆ ในทุกข่องทางเพื่อแสวงหา ความยุติธรรมและเป็นธรรม อาทิ ศาลปกครองกลาง คสช. ฯลฯ และอาจมีผลกระทบต่อคณะกรรมการผู้กำกับดูแลทั้งทางแพ่งและอาญา อันเป็นผลจากการจงใจหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ พ.อ.นที ยืนยันว่า วันนี้ (1 ก.ย.2557) จะยังไม่พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรกับช่อง 3 แต่ต้องรอการพิจารณา กรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำหนังสือ สอบถาม บอร์ดกระจายเสียง กสทช. 2 ข้อ คือ การที่ช่อง 3 อ้างทำตามประกาศ คสช. ฉบับ 27 นั้น จะเกี่ยวข้องหรือไม่ และการขยายเวลาออกไปอีก 100 วัน มีผลอย่างไรหรือไม่ ตามที่ ช่อง 3 ทำหนังสือมาถึง คสช. ขอให้พิจารณาก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ประชุม บอร์ดกระจายเสียงฯ กสทช. เช้าวันนี้ (1 ก.ย.2557) กำลังพิจารณาและจะรับทราบในช่วงบ่ายวันนี้
ขอบคุณข่าวจาก