สนช.ขาดประชุมเกิน 1 ใน 3 พ้นสภาพทันที
กมธ.ยกร่างข้อบังคับฯ เคาะแล้วจ่อเข้าสภา 4 ก.ย.นี้ คาดโทษ สนช. ขาดประชุมเกิน 1 ใน 3 พ้นสภาพทันที ขณะปมถอดถอนใช้หลักเดิมตามรธน.50 แต่ปรับให้เชื่อม รธน.ชั่วคราว
วันที่ 30 ส.ค. นายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวถึงความคืบหน้าการยกร่างฯข้อบังคับฯ ว่า ขณะนี้กมธ.ได้พิจารณาเสร็จแล้วและได้สรุปรายงานเสนอต่อประธานสนช. เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม สนช.ในวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ย.นี้โดยประเด็นที่สำคัญและถือเป็นมาตรฐานสูงสำหรับนักการเมืองซึ่งไม่เคยมีการบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับใดมาก่อน คือ ข้อบังคับเกี่ยวกับการสิ้นสมาชิกภาพ โดยกมธ.ได้กำหนดว่า หากสมาชิก สนช.ไม่แสดงตน เพื่อการลงมติในการประชุมสภา สนช. โดยขาดการประชุมเกิน 1 ใน 3 ตามวงรอบ 3 เดือน หรือ 90 วัน ก็จะสิ้นสุดสมาชิกภาพทันที ยกเว้นบุคคลที่ประธาน สนช.มอบหมายให้เป็นตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ หรือ ติดภารกิจ หรือ ป่วย ก็จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ในแต่ละเดือนทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติจะรวบรวมผลการลงมติในการเข้าประชุมเพื่อให้สมาชิกได้ตรวจสอบและถือเป็นการแจ้งเตือนให้ทราบ
โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวอีกว่า สำหรับการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองข้อบังคับเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เพียงแต่ปรับให้สอดคล้อง เชื่อมโยงรัฐธรรมนูญชั่วคราวพ.ศ. 2557 นอกจากนี้มีประเด็นที่สำคัญ คือ คณะกรรมาธิการสามัญประจำสนช.ทางกมธ.ได้มีมติให้มีจำนวน 15 คณะ ซึ่งเป็นไปตามประเด็นการปฏิรูปที่สอดคล้องโรดแม็พของคสช.และภารกิจที่สำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ทำหนังสือด่วนมาก ลงวันที่29ส.ค. ถึงสมาชิก สนช. โดยแจ้งว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้มีคำสั่งให้นัดประชุม สนช.ครั้งที่6/2557ในวันที่4 ก.ย.เวลา 13.00 น. และประชุมครั้งที่ 7 / 2557 ในวันที่ 5 ก.ย. เวลา10.00น. โดยมีวาระเรื่องด่วนเพื่อพิจารณา คือ ร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอา เซียน+3(“AMRO”) ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เสนอ นอกจากนี้ยังรับทราบ เรื่องสรุปการดำเนินการในพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายใน ราชอาณาจักรในเขตพระนครป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานครในห้วงวันที่ 1-10 ส.ค. 2556
ขอบคุณข่าวจาก