สสส.เปิดรับโครงการสนับสนุนนักศึกษาปฏิบัติการ ปิดทองหลังพระ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ประกาศแนวทางสนับสนุนทุน
โครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ร่วมกับโครงการปิดทองหลังพระ รุ่น 2
หลักการและเหตุผล
จากการที่คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 5 ได้อนุมัติโครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมือง
เพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ในการประชุมครั้งที่ 9/2556 วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556 ซึ่งมีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นและปลุกให้สังคมเกิดความตื่นตัว เห็นโอกาส และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างพลเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้มีสุขภาวะที่ขึ้นนั้น สำนักรณรงค์สื่อสารสังคม (สำนัก 5) จึงได้ดำเนินการตามกรอบของยุทธศาสตร์โครงการฯ โดยได้ดำเนินการแสวงหาความร่วมมือ และแสวงหาภาคีหลักที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การทำงานพัฒนากับกลุ่มเยาวชนในระดับอุดมศึกษา ตลอดจนเป็นภาคีที่มีเครือข่ายพื้นที่ในระดับภูมิภาค เพื่อให้เป็นแกนขับเคลื่อนงานกับกลุ่มเป้าหมายในระดับภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ของโครงการฯ
ในการแสวงหาความร่วมมือนี้ สำนัก 5 ได้เล็งเห็นบทบาท และความสำคัญของเครือข่ายหลัก คือ โครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ซึ่งมีทุนการทำงานกับพื้นที่ต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง รวมทั้งมีความพร้อมด้านกำลังคนในการพัฒนางานตามยุทธศาสตร์ของโครงการฯ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาข้อตกลงการดำเนินงานพัฒนาและบริหารโครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ร่วมกับโครงการปิดทองหลังพระ ภายใต้โครงการรณรงค์ขับเคลื่อนการสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ร่วมกับภาคีโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ จังหวัดน่าน เพื่อให้เกิดการพัฒนางานและบริหารจัดการงานของโครงการฯ ในพื้นที่
จากการดำเนินงานรุ่นที่ 1 ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557 มีมหาวิทยาลัย 8 แห่ง ได้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ และมีการเสนอโครงการปฏิบัติการ 9 โครงการดำเนินงานในพื้นที่ 9 จังหวัด พบว่า สามารถดำเนินงานตามหลักการปิดทองหลังพระ ได้แก่ การเข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา มีผลงานเชิงประจักษ์ ในการพัฒนามิติน้ำ มิติเกษตร มิติสิ่งแวดล้อม โดยชาวบ้านร่วมดำเนินงาน และ ได้ประโยชน์จากโครงการ จึงเห็นควรให้มีการขยายผลดำเนินงานในรุ่นที่ 2 จำนวน 11 โครงการ โดยเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เป็นต้นไป
วัตถุประสงค์
1)เพื่อกระตุ้น/ปลุกให้สังคม ในพื้นที่ให้เกิดความตื่นตัว เห็นโอกาส และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างพลเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้มีสุขภาวะที่ดีขึ้น
2)เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสร้างความเป็นพลเมืองสำหรับเยาวชนระดับอุดมศึกษา
3)เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพและคุณลักษณะของพลเมืองที่สร้างสรรค์ ผ่านกระบวนการเรียนรู้และปฏิบัติจากสังคมจริง
4)เพื่อสนับสนุนกลไกความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ให้เกิดการขับเคลื่อนขบวนการสร้างพลเมืองเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้น่าอยู่ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
เป้าหมายและตัวชี้วัดของโครงการฯ
1)ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมาย (กลุ่มวัยเยาวชนในระดับอุดมศึกษา) เกิดแรงบันดาลใจและสนับสนุนแนวทางของขบวนการสร้างพลเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้น่าอยู่
2)ร้อยละ 80 ของโครงการที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติของกลุ่มเยาวชนที่เข้าร่วมขบวนการสร้างพลเมือง บรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงในระดับบุคคลและชุมชน ตามที่แต่ละโครงการย่อยได้กำหนด
3)มีสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมเป็นภาคีของขบวนการสร้างพลเมืองอย่างยั่งยืน
คุณสมบัติของผู้เสนอโครงการ
1.สถานภาพเป็นนักศึกษา
2.มีอาจารย์ที่ปรึกษารับรองโครงการ และ ร่วมการปฐมนิเทศ การลงพื้นที่ การกำกับติดตามการทำงาน ของนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง
3.มีผู้รับผิดชอบโครงการ คณะทำงาน อย่างน้อย 10 คน มีศักยภาพที่จะบริหารจัดการโครงการให้สำเร็จได้ และมีโครงสร้างการบริหารจัดการโครงการที่ชัดเจน
4.สามารถดำเนินงานตามขอบเขตที่กำหนด ได้ คือ
ระยะที่ 1 แกนนำคณะทำงาน โครงการละ 4 คน เข้าศึกษาเรียนรู้กระบวนการทำงาน เข้าใจ-เข้าถึง-
พัฒนา ณ พื้นที่ต้นแบบโครงการปิดทองหลังพระฯบ้านน้ำป้าก/บ้านห้วยธนู ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นระยะเวลา 8 วัน ในช่วงเดือนมกราคม 2558
1.1.นักศึกษา ต้องนอนพักค้างคืนในหมู่บ้าน โดยนอนพักในบ้านของชาวบ้าน ตามที่จัดให้
1.2.นักศึกษา ต้องเปิดใจในการอยู่ร่วมกับเพื่อนนักศึกษาต่างสถาบัน ได้แก่ การทำกิจกรรม การนอนร่วมกันในบ้านชาวบ้าน
1.3.นักศึกษา เตรียมความพร้อมในเรื่องการเดินทาง อุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์การเรียนรู้ ให้ครบถ้วน
ระยะที่ 2 การนำความรู้จากพื้นที่ต้นแบบ ไปดำเนินการปฏิบัติการจริงในพื้นที่ที่นักศึกษาเลือกเอง ใช้
ระยะเวลา 11 เดือน ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2558-ธันวาคม 2558
นศ.ต้องเลือกพื้นที่ (หมู่บ้าน) สำหรับปฏิบัติงานในระยะที่ 2 หลังจากเรียนรู้พื้นที่ต้นแบบ จ.น่าน แล้ว โดยให้ดำเนินการ และ พิจารณา ดังนี้
2.1.นศ.เลือกหมู่บ้าน และ มีข้อมูลทั่วไปของหมู่บ้านที่จะพัฒนา นำเสนอให้เห็นภาพรวม ปัญหา หรือ สิ่งที่ต้องการพัฒนา ในแบบเสนอโครงการ
2.2.การเลือกหมู่บ้าน ควรเดินทางไปมาสะดวก/มีที่พักให้/การติดต่อสื่อสารสะดวก/มีความปลอดภัย
เหมาะสมสำหรับนักศึกษาลงปฏิบัติงาน
2.3.หมู่บ้าน(ผู้นำ/คณะกรรมการ/แกนนำ) มีความพร้อมในการรับนักศึกษาและ พัฒนาร่วมกับนักศึกษา
5.ร่วมนำเสนอแผนพัฒนา แลกเปลี่ยนบทเรียน และ สรุปบทเรียนการดำเนินงาน ตามที่กำหนด
แนวทางการดำเนินงานในพื้นที่จริง
การทำงานปิดทองหลังพระ ได้น้อมนำหลักการ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวมาเป็นแนวทางปฏิบัติในทุกขั้นตอน โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และขับเคลื่อนงานพัฒนาด้วยความ ต้องการที่แท้จริงของคนในชุมชน
1.เข้าใจ โดยการศึกษาและสำรวจข้อมูลที่เป็นจริงของชุมชนทุกด้าน ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการสำรวจข้อมูล เช่น กายภาพ เศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม นำไปสู่กระบวนการเข้าถึงต่อไป
-ข้อมูลด้านกายภาพ : พื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน การใช้ที่ดิน แหล่งน้ำ ประเภทป่า และพันธุ์ไม้ป่า
-ข้อมูลประชากร สังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่
-ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย และหนี้สิน
-ความต้องการของชุมชน ในการแก้ไขปัญหา หรือพัฒนาหมู่บ้าน ในระยะเวลา 1 ปี
2.เข้าถึง โดยการนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนเข้าใจมาสรุป ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา คัดเลือกปัญหาตามความต้องการของชุมชนที่จะพัฒนาหรือแก้ไข หาแนวทางดำเนินงาน และจัดทำเป็นแผนพัฒนาของชุมชน ระยะสั้นเห็นผลทันตา (แผนระยะ 1 ปี) โดยแผนประกอบด้วย
-ชื่อแผนงาน / โครงการ
-หลักการและเหตุผล
-วัตถุประสงค์ เป้าหมายที่ชัดเจน
-วิธีดำเนินการ (เน้นการมีส่วนร่วม)
-ระยะเวลาดำเนินการ
-งบประมาณ
-ผู้รับผิดชอบโครงการ
-หน่วยงานสนับสนุน (พันธมิตรต้องชัดเจน)
-การประเมินผล (อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด)
-ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (ชาวบ้านได้อะไร)
3.การพัฒนา โดยดำเนินการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาจากแผนพัฒนาชุมชน ประยุกต์ความรู้ กิจกรรมที่ได้จากการศึกษาพื้นที่ต้นแบบจังหวัดน่าน มาใช้จริง เช่น
-การพัฒนามิติน้ำ เช่น น้ำอุปโภคบริโภค สร้างฝายอนุรักษ์ ฝายชะลอน้ำ ฝายการเกษตร อ่างพวงสันเขา ระบบส่งน้ำโดยคลองและท่อ
-การแก้ไขปัญหามิติดิน เช่น ปรับพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก เช่น ขุดนาขั้นบันได ปรับสภาพดิน
-การส่งเสริมมิติด้านเกษตร เช่น การปลูกพืชหลังนา การปลูกพืชผักสวนครัว การใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องการแมลง
-พัฒนาอาชีพ เช่น การจัดตั้งกองทุนหมู กองทุนเมล็ดพันธุ์ ประมง กองทุนพืชเศรษฐกิจ กองทุนหัตถกรรมและการแปรรูป
-การส่งเสริมมิติสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่าเศรษฐกิจ กองทุนพืชเศรษฐกิจ การจัดการขยะ
ขั้นตอนการพิจารณาโครงการและสนับสนุนโครงการ
1.ผู้สนใจเสนอโครงการตามแบบฟอร์ม “แบบเสนอโครงการ” โดยขอให้แสดงรายละเอียดให้ชัดเจน
2.สสส. พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอแนวคิดโครงการที่เข้าข่ายการสนับสนุนตามแนวทางที่กำหนด
3.สสส. จะสนับสนุนให้โครงการที่ผ่านการคัดเลือก เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการและศึกษาดูงานหมู่บ้านต้นแบบ เพื่อนำประสบการณ์ที่ได้ไปจัดทำแผนพัฒนาชุมชน และ ลงปฏิบัติการ ในหมู่บ้านจริง
4.สสส. สนับสนุนทุนโครงการละไม่เกิน 220,000 บาท ระยะเวลา 1 ปี
เป็นค่าใช้จ่าย 2 กิจกรรมหลัก ดังนี้
4.1.ค่าใช้จ่ายในการปฐมนิเทศ/การนำเสนอแผนพัฒนา/การแลกเปลี่ยนและสรุปบทเรียน รวม 3 ครั้ง
ในวงเงิน 30,000 บาท
4.2.ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานในพื้นที่จริง
-การสำรวจชุมชน ทำแผนพัฒนา ในวงเงิน 50,000 บาท
-งบพัฒนาตามแผนพัฒนาชุมชน จำนวน140,000 บาท
5.คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ สสส. พิจารณาสนับสนุนทุนโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และขอสงวนสิทธิ์การใช้ดุลยพินิจหากโครงการที่เสนอไม่ตรงตามเกณฑ์
ระยะเวลาดำเนินการ
การส่งแบบเสนอโครงการ
1.ส่งแบบเสนอโครงการ ทางไปรษณีย์ไปที่
นายแชน อะทะไชย
สำนักงานขยายผลโครงการฯ
171 ม.3 ต.ดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน 55000
2.ส่งทางอีเมล
[email protected]
[email protected]
3.ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม
นส.ชลันดา สมบัติใหม่
089-6323689 email:[email protected]
-
file download