พลิกสมบัติ“3 เกลอสายล่อฟ้า” 78 ล.ก่อน“บลูสกาย”เป็น“ฟ้าวันใหม่”
พลิกปูมทรัพย์สมบัติ “3 เกลอสายล่อฟ้า” รวมเหยียบ 78 ล. “เทพไท” ครองแชมป์ 70 ล้าน “ศิริโชค” 8 ล้าน หนี้เพียบ ตะลึง! “ชวนนท์” เงินฝาก 1 บัญชี 4.5 หมื่น ก่อน “บลูสกาย” เปลี่ยนโฉมหน้าเป็น “ฟ้าวันใหม่” หลัง กสท. ไฟเขียวแพร่ภาพผ่านดาวเทียมได้
พลันที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติอนุญาตให้ช่องโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 15/2557 จำนวน 7 ช่อง กลับมาฉายได้อีกครั้งหนึ่ง
เสียงนกหวีดก็กลับมากระหึ่มจออีกครั้ง !
เมื่อ 1 ใน 7 ช่องที่บอร์ด กสท. อนุญาตให้ออกอากาศอีกครั้งคือช่อง “Bluesky Channel” ที่เปลี่ยนโฉมใหม่ในชื่อ “ฟ้าวันใหม่” ของบริษัท บลูสกาย แชนแนล จำกัด ที่มี “เถกิง สะสมทรัพย์” เป็นผู้อำนวยการสถานี โดยได้เริ่มเผยแพร่ออกอากาศครั้งแรกหลังรัฐประหาร เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 27 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา 7 – 8 เดือนของการชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ก่อนการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 “Bluesky Channel” มีเรตติ้งแตะระดับเกือบสูงสุดในประเทศ
โดยเฉพาะรายการ “สายล่อฟ้า” ที่ดำเนินรายการโดย “พิธีกร 3 เกลอ ส.ส.ประชาธิปัตย์” – “ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เทพไท เสนพงศ์ และศิริโชค โสภา” ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเป็นเวทีชวนคุยในประเด็นทางการเมืองอย่างเผ็ดร้อน
คำถามจากใครหลายคนจึงพุ่งตรงไปว่า พิธีกรทั้ง 3 คน มีทรัพย์สมบัติอะไรกันบ้าง ? ก่อนหน้าที่ “Bluesky Channel” ที่ "จอดำ" ไปกว่า 3 เดือน ได้กลับมาออกอากาศอีกครั้ง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของทั้ง 3 คน กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ภายหลัง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 พบรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
1.นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
แจ้งกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีพ้นจากตำแหน่ง ระบุว่า สถานภาพหย่า มีรายได้ทั้งหมด 2,069,771 บาท (ค่าตอบแทน 869,771 บาท, ค่าเช่าบ้าน 1.2 ล้านบาท) มีรายจ่ายทั้งหมด 8 แสนบาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัว) มีทรัพย์สินเพียง 45,061 บาท (เงินฝาก 5 บัญชี) ไม่มีหนี้สิน
เมื่อเทียบกับช่วงเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2556 แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 1.1 แสนบาท (เงินเดือน) มีรายจ่ายทั้งหมด 7.4 หมื่นบาท (ผ่อนรถยนต์ 2.4 หมื่นบาท, ค่าใช้จ่ายประจำเดือน 5 หมื่นบาท) มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,229,636 บาท (เงินฝาก 1 บัญชี 29,636 บาท, ยานพาหนะ 1.2 ล้านบาท) มีหนี้สินทั้งสิ้น 1.2 แสนบาท (ผ่อนรถยนต์)
เท่ากับว่า นายชวนนท์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,959,771 บาท มีรายจ่ายลดลง 726,000 บาท มีทรัพย์สินลดลง 1,184,575 บาท มีหนี้สินลดลง 1.2 แสนบาท
ทั้งนี้น่าสังเกตว่า รถยนต์มูลค่า 1.2 ล้านบาทหายไป นอกจากนี้ยังไม่ได้แจ้งว่าครอบครองโรงเรือนฯแม้แต่หลังเดียว แต่กลับมีรายได้จากค่าเช่าบ้าน 1.2 ล้านบาท
(อ่านประกอบ : เปิดสมบัติ“ชวนนท์”ก่อนแพ้คดี“สุรพงษ์”มีเงินในบัญชีแค่ 4.5 หมื่น ?)
2.นายศิริโชค โสภา
แจ้งกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่ง ระบุว่า สถานภาพโสด มีรายได้ทั้งหมด 1,430,220 บาท มีรายจ่ายทั้งหมด 202,860 บาท (ไม่ได้แนบใบชี้แจงรายละเอียดรายได้-รายจ่าย)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 8,213,127 บาท (เงินฝาก 5 บัญชี 625,746 บาท, เงินลงทุน 2 แห่ง 452,856 บาท, ที่ดิน 3 แปลง 6,550,300 บาท, โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 604,224 บาท) มีหนี้สินทั้งสิ้น 8,476,076 บาท (กู้จากธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2556 4,211,387 บาท, กู้จากธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2556 4,264,688 บาท)
เมื่อเทียบกับกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 113,560 บาท (เงินเดือน) มีรายจ่ายทั้งหมด 3 หมื่นบาท (ค่าอุปโภค/บริโภค)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,055,242 บาท (เงินฝาก 3 บัญชี 976,942 บาท, ที่ดิน 1 แปลง 138,300 บาท) ไม่มีหนี้สิน
เท่ากับว่า นายศิริโชค มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,316,660 บาท มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น 172,860 บาท มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 7,157,885 บาท มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 8,476,076 บาท
ทั้งนี้น่าสังเกตว่า ระหว่างเข้ารับตำแหน่ง นายศิริโชค ได้กู้เงินจากธนาคารกสิกรไทย 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2556 และ 11 ก.ย. 2556 รวมวงเงินกว่า 8.4 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อเงินลงทุน 2 แห่ง มูลค่ากว่า 4.5 แสนบาท ที่ดินพร้อมบ้าน 2 หลัง รวมมูลค่า 6,996,224 บาท ขณะที่ก่อนหน้านี้มีที่ดินเพียง 1 แปลง มูลค่าเพียง 1.3 แสนบาท และไม่มีบ้าน กับเงินลงทุนแต่อย่างใด
3.นายเทพไท เสนพงศ์
แจ้งกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่ง ระบุว่า สถานภาพโสด มีรายได้ทั้งหมด 2 ล้านบาท(เงินเดือน 1.2 ล้านบาท, ค่าเช่าบ้าน-ที่ดิน 6 แสนบาท, ที่ปรึกษากฎหมาย 2 แสนบาท) มีรายจ่ายทั้งหมด 1.8 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายในครอบครัว 3.6 แสนบาท, เลี้ยงดูบุตร/พ่อ-แม่ 3.6 แสนบาท, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 4.8 แสนบาท, กิจกรรมในพื้นที่/กิจกรรมทางสังคม 6 แสนบาท)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 70,029,259 บาท (เงินสด 1.3 ล้านบาท, เงินฝาก 14 บัญชี 1,775,710 บาท, ที่ดิน 16 แปลง 39.8 ล้านบาท, โรงเรือนฯ 6 หลัง 26.1 ล้านบาท, ยานพาหนะ 1 คัน 1 ล้านบาท) ไม่มีหนี้สิน
เมื่อเทียบกับช่วงเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 2 ล้านบาท (เงินเดือน 1.2 ล้านบาท, ค่าเช่าบ้าน-ที่ดิน 6 แสนบาท, ที่ปรึกษากฎหมาย 6 แสนบาท) มีรายจ่ายทั้งหมด 1.8 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายในครอบครัว 3.6 แสนบาท, เลี้ยงดูบุตร/พ่อ-แม่ 3.6 แสนบาท, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 4.8 แสนบาท, กิจกรรมในพื้นที่/กิจกรรมทางสังคม 6 แสนบาท)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 71,849,872 บาท (เงินสด 1.5 ล้านบาท, เงินฝาก 14 บัญชี 2,692,135 บาท, ที่ดิน 16 แปลง 39.8 ล้านบาท, โรงเรือนฯ 6 หลัง 26.1 ล้านบาท, ยานพาหนะ 2 คัน 1.7 ล้านบาท) ไม่มีหนี้สิน
เท่ากับว่า นายเทพไท มีรายได้เท่าเดิม มีรายจ่ายเท่าเดิม มีทรัพย์สินลดลง 1,820,613 บาท ไม่มีหนี้สินเท่าเดิม
เบ็ดเสร็จรวม 3 คน มีทรัพย์สมบัติล่าสุดรวมกัน 78,287,447 บาท มีหนี้สินรวมกัน 8,476,076 บาท (ของนายศิริโชคคนเดียว อีก 2 คน ไม่มีหนี้สิน)
(ดูตารางประกอบ)
ทรัพย์สินฯ พ้นตำแหน่ง 9 ธ.ค. 56 |
ชวนนท์ (บาท) |
ศิริโชค (บาท) |
เทพไท (บาท) |
เงินสด |
- |
- |
1,300,000 |
เงินฝาก |
45,061 |
625,746 |
1,775,710 |
เงินลงทุน |
- |
452,856 |
- |
เงินให้กู้ยืม |
- |
- |
- |
ที่ดิน |
- |
6,550,000 |
39,800,000 |
โรงเรือนฯ |
- |
604,224 |
26,100,000 |
ยานพาหนะ |
- |
- |
1,000,000 |
สิทธิและสัมปทาน |
- |
- |
- |
ทรัพย์สินอื่นฯ |
- |
- |
- |
รวมทรัพย์สิน |
45,061 |
8,213,127 |
69,975,710 |
รวมหนี้สิน |
- |
8,476,076 |
- |
ที่มา : สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักข่าวอิศรา รวบรวม
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พิธีกรสายล่อฟ้า จาก banmuang