แห่ทิ้งหนี้รถคันแรกแบกภาระไม่ไหวเลิกผ่อนลีสซิ่ง
สรรพสามิตสแกนผู้ใช้สิทธิรถคันแรก พบผิดเงื่อนไขพุ่งสูง50 เท่า ต้องเกาะติดเอาเงินคืน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิรถคันแรกที่ได้รับเงินคืนไปแล้วมีการทำผิดเงื่อนไขทำให้กรมสรรพสามิตต้องติดตามเงินคืนเพิ่มสูงขึ้น จากปี 2556 มีผู้ผิดเงื่อนไข10-20 ราย แต่ในปี 2557 มีผู้ผิดเงื่อนไขแล้ว511 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50 เท่า เนื่องจากผู้ใช้สิทธิไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ(ลีสซิ่ง) ได้ และถือครองรถยนต์ไม่ครบ 5 ปีตามที่โครงการกำหนดไว้โดยกรมสรรพสามิตได้ส่งเอกสารให้กรมบัญชีกลางฟ้องร้องแล้ว 21 ราย
"มีผู้ถูกยกเลิกและรอยกเลิกการใช้สิทธิจำนวน 12,820 ราย ถูกยึดรถโดยบริษัทลีสซิ่งที่ยังไม่ได้เงินคืน 486 ราย"นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวในโครงการรถคันแรก เพราะหลังจากโครงการสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี2555 พบว่ามีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีแนวโน้มนำเงินมาคืนให้กรม ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เข้าโครงการ เพราะไม่สามารถครอบครองรถได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้5 ปี นอกจากนี้กรมได้ประสานกับบริษัทลีสซิ่งเพื่อตรวจสอบข้อมูลในอนาคตว่าจะมีการยึดรถคืนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถือใบจองในโครงการคืนเงินภาษีรถคันแรก กรมยังเปิดโอกาสให้สามารถรับรถยนต์ได้ต่อไปและคงจะไม่เสนอเรื่องเพื่อปิดโครงการในเดือนก.ย.นี้เนื่องจากเกรงว่าจะขัดมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะไม่ได้ระบุระยะเวลาไว้ ซึ่งได้รับรายงานว่ามียอดผู้ใช้สิทธิคืนเงินเพิ่มเข้ามาแค่เดือนละหลักร้อยล้านบาทเท่านั้นจึงคาดว่าโครงการน่าจะจบลงได้ในสิ้นปีงบประมาณ 2558
สำหรับจำนวนผู้ใช้สิทธิแต่ยังไม่รับรถยนต์เหลืออยู่ทั้งสิ้น 1.14 แสนราย หรือคิดเป็น 9.22% ของจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย คิดเป็นเงินทั้งสิ้น91,489 ล้านบาท โดยที่ผ่านมามีผู้ได้รับเงินคืนจากโครงการรถคันแรกไปแล้วรวม 1.06 ล้านราย คิดเป็นเงิน 7.78 ล้านบาท ส่วนเดือน ส.ค. ได้จ่ายเงินคืนไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบ เพราะมีบางส่วนที่ตรวจสอบเอกสารล่าช้า ทำให้ต้องจ่ายเงิน
อีกงวดในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ประมาณ 400 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2557 ยังเหลือของเดือน ก.ย. อีกงวดที่รอจ่ายอีกประมาณ 600 ล้านบาทเท่านั้น
ขอบคุณข่าวจาก