คนไทยไม่กล้าเสี่ยง 48% ฝากออมทรัพย์ นักวางแผน ชี้ไม่พอสำหรับวัยเกษียณ
ที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย หนุนมออกกฎหมายบังคับออมเงิน หลังพบนิสัยคนไทยไม่ชอบลงทุนที่มีความเสี่ยง 48% เก็บออมในรูปแบบออมทรัพย์ ยันไม่เพียงพอต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2557 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาเวทีลูกจ้าง “แก่ไปใครจะดูแล RMF – LTF ช่วยแก้ได้จริงหรือ” ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) ว่า กองทุนดังกล่าวยังคงมีประโยชน์ในการช่วยวางแผนการเงินสำหรับคนวัยเกษียณ โดยเฉพาะต่อผู้ทำงานประจำในภาคเอกชน หรือมนุษย์เงินเดือน และสามารถลดหย่อนภาษีได้รวมสูงสุด 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันประเทศไทยมีการเปิดบัญชีกองทุน LTF ประมาณ 7 แสนบัญชี คิดเป็นมูลค่ารวม 2.3 แสนล้านบาท ส่วนบัญชีกองทุน RMF ประมาณ 2 แสนบัญชี คิดเป็นมูลค่ารวม 5 - 6 หมื่นล้านบาท
เมื่อถามถึงกรณีที่กองทุน LTF จะหมดอายุการลดหย่อนภาษีในปี พ.ศ. 2559 นั้น กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับกรมสรรพกรแล้วและกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะต่ออายุหรือไม่ หากผลออกมาอย่างไรคงต้องเป็นไปตามที่กรมสรรพากรพิจารณา
ด้านคุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวถึง LTF และ RMF ว่า การลงทุนแบบ LTF หรือ RMF นั้นถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็สามารถทำให้มีเงินเก็บไว้ใช้ในชีวิตหลังเกษียณแน่นอน เพราะหากออมผ่านกองทุนรวมตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป จะได้ผลตอบแทนที่สูงและคุ้มค่าต่อการลงทุนอีกทั้งยังช่วยลดหย่อนภาษี
แต่อย่างไรก็ตาม นิสัยของคนไทยส่วนใหญ่นั้นไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงจึงมีการเก็บออมในรูปแบบของออมทรัพย์มากกว่า โดยร้อยละ 48 มักออมในเงินฝากออมทรัพย์ , ร้อยละ 23 ออมผ่านประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์, ร้อยละ 20 ออมผ่านกองทุนบำเหน็จบำนาญ หรือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และร้อยละ 9 ในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งผลตอบแทนจากการออมเหล่านี้ ถือว่า ไม่เพียงพอต่อการออมเพื่อวัยเกษียณ ยิ่งเมื่อบวกกับอัตราอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น
“การออมแบบ RMF และ LTF ถึงแม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า จึงอยากให้คนไทยหันมาออมเงินผ่านกองทุนรวมหุ้นที่ให้ผลตอบแทน และอยากให้ประเทศไทยควรมีกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับให้คนไทยออมเงิน เพราะจะสามารถปลูกฝังนิสัยการออมที่ดีและในอนาคตจะมีเงินเก็บไว้ใช้อีกด้วย” กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าว
ขณะที่นายถนอม เกตุเอม ตัวแทนมนุษย์เงินเดือน กล่าวว่า หลังการเกษียณของมนุษย์เงินเดือนแน่นอนว่าทุกคนต้องการเงินใช้อย่างพอกินพอใช้ ซึ่งกองทุน RMF และ LTF นี้จะเป็นตัวช่วยในการเก็บเงินของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ หรือการลงทุนและการออมในรูปแบบต่างๆ เช่น ตราสารหนี้ การออมทรัพย์ ฝากเงินประจำกับธนาคารต่างๆก็สามารถเก็บเงินให้กับคนหลังวัยเกษียณได้อีกทางหนึ่ง แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีนิสัยรักการออมเท่าที่ควรจึงทำให้วัยเกษียณนั้นมีเงินไม่พอใช้ ทั้งนี้จึงอยากมีกฎหมายบังคับให้คนไทยได้ออมเพื่อตัวเองในอนาคตหลังไว้เกษียณ
“การออมควรทำในรูปแบบของผสมผสาน ทั้งลงทุนในกองทุนต่าง ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้, RMF, LTF หรือง่ายที่สุดอาจจะเป็นออมทรัพย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับฐานะและความต้องการของแต่ละคน ” นายถนอม เกตุเอม กล่าว