บึ้มลวงดึงไทยมุงก่อนคาร์บอมบ์เบตง กับความเสี่ยง "ขาลง" การท่องเที่ยว
"คาร์บอมบ์" ที่หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์ กลางเมืองเบตง จ.ยะลา ยังมีแง่มุมให้ค้นหาอีกมากพอสมควร
หนึ่งในนั้นคือยุทธวิธีที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เพื่อก่อวินาศกรรมในเมืองที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีที่สุดเมืองหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
บึ้มลวง-ล่อไทยมุง
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานที่ได้เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานตรงจุดเกิดเหตุ ระบุว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม ประกอบใส่ถังแก๊ส จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการตั้งเวลาหรือเป็นการโทรเข้าจุดชนวน
ระเบิดถังแก๊สถูกนำไปติดตั้งไว้ในรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บค 8594 เบตง ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม แต่ติดไว้เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่
ในตัวรถ "คาร์บอมบ์" ซึ่งกลายเป็นซากไปแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบบริเวณห้องเครื่องมีวงจรอิเลคทรอนิกส์แปลกปลอม คาดว่าเป็นวงจรจุดระเบิดอีกวงจรหนึ่ง สอดคล้องกับปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า เกิดระเบิดดังขึ้นก่อน 1 ครั้งที่บริเวณหน้ารถคาร์บอมบ์ แต่เสียงไม่ดังมาก และไม่ได้ทำให้รถเสียหาย มีแต่ทำให้ไฟหน้ารถหลุดออกมาทั้งสองฝั่ง หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที จึงเกิดระเบิดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า กรณีวงจรระเบิดที่อยู่หน้ารถ และเป็นวงจรจุดระเบิดขนาดเล็กนั้น คนร้ายทำเพื่อให้เกิดเสียงดังดึงดูดความสนใจจากผู้คนในละแวกหน้าโรงแรมเพื่อให้เข้าไปดู หรือแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ต่อมาอีกประมาณ 10 นาทีจึงเกิดระเบิดขึ้น โดยหวังให้เกิดความสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
บึ้มเล็กก่อนระเบิดใหญ่
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สอดคล้องกับคำบอกเล่าของ กาญจนา สาวะโย พนักงานสาวร้านนวดซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เธอเล่าว่า ก่อนเกิดระเบิดกำลังนั่งอยู่หน้าร้านนวด แต่ไม่ได้ทันสังเกตช่วงที่คนร้ายนำรถกระบะคาร์บอมบ์เข้าจอด แต่เห็นรถกระบะคันดังกล่าวจอดอยู่แล้ว
"ก่อนจะเกิดระเบิดใหญ่ มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาก่อนบริเวณหน้ารถกระบะ ทำให้ไฟหน้ารถกระบะทั้งสองข้างหลุดออกมา แต่ไม่มีส่วนอื่นของรถเสียหาย หนูเองก็ได้ยินเหมือนๆ กับคนแถวนี้อีกหลายคน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นระเบิด หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที รถกระบะก็ระเบิดทั้งคัน แรงระเบิดทำให้เกิดเพลิงไหม้ และถังแก๊สที่อยู่ในร้านข้างโรงแรมระเบิดขึ้น จนไฟลามไปติดหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีกฝั่งของโรงแรม"
ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
กาญจนา เล่าต่อว่า เมื่อได้ยินเสียงระเบิดก็รู้สึกตกใจมาก และยังมีเพื่อนในร้านรวมทั้งชาวบ้านในละแวกนี้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน บางคนวิ่งเข้ามาในร้านนวดเพื่อหลบภัย ตอนนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่โชคดีที่ตัวเองปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
"งงมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาทำงานอยู่เบตงกว่า 5 ปีไม่เคยมีเหตุร้าย แต่มาเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่และตัวเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย รู้สึกกลัวมาก เพื่อนในร้านบางคนถึงกับขวัญเสีย กระทั่งรุ่งขึ้นอีกวันยังไม่กล้ามาที่ร้านก็มี" กาญจนา บอก
พุ่งเป้าทำลายเศรษฐกิจ
อีกประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายรัฐพยายามแกะรอยจนได้คำตอบแล้วในระดับหนึ่ง คือ การสร้างสถานการณ์เพื่อทำลายพื้นที่ปลอดภัย และพื้นที่เศรษฐกิจของชายแดนใต้ ซึ่งในรัฐบาลชุดก่อน รวมทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งวางมาตรการเข้มใน 7 หัวเมืองเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึง อ.เบตง ด้วย
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พูดชัดเจนว่า เป้าหมายของคนร้ายมุ่งทำลายเศรษฐกิจและบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลฮารีรายอ (เทศกาลเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน) อย่างแน่นอน
ขณะที่ นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเบตง บอกว่า เหตุคาร์บอมบ์เกิดในย่านการค้าและชุมชน มีบ้านเรือนและอาคารห้างร้านได้รับความเสียหาย 10-15 หลัง โดยทางเทศบาลจะเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
ท่องเที่ยวพังพาบ-สูญร้อยล้าน
ร.ต.ต.อุดม ลักษณะ นายกสมาคมการท่องเที่ยว อ.เบตง กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นกลางเมือง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมืองเบตงอย่างรุนแรง เพราะขณะนี้กำลังมีเทศกาลกินผลไม้ที่สวนไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยว ทั้งยังเป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในเบตงเยอะมากทุกปี โรงแรมทั้งหมดกว่า 2,000 ยูนิตถูกจองเต็มไปจนถึงปลายเดือน คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงนี้กว่า 100 ล้านบาท
แต่เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมไปเยอะมาก ส่วนที่จองไว้ก็ยกเลิกการจอง ถือว่ากระทบต่อการท่องเที่ยวเบตงทั้งวงจร ฉะนั้นทางสมาคมฯต้องเร่งหารือกับทางหน่วยงานความมั่นคง เพื่อหามาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น ไม่ให้เกิดเหตุขึ้นมาอีก
นอกจากนั้นก็จะหารือกับผู้ประกอบการต่างๆ เพื่อจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเชื่อว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะ นักท่องเที่ยวจึงจะกลับเข้ามาเที่ยวเบตงเหมือนเดิม
ทุกข์ซ้ำ-จากเคอร์ฟิวถึงคาร์บอมบ์
งามตา ทองสม ผู้ประกอบการร้านนวด Foot Funny ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิด เล่าว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้ร้านได้รับความเสียหาย พนักงานในร้านก็ได้รับบาดเจ็บ บางคนยังขวัญเสียอยู่ ไม่กล้ามาทำงาน แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากกว่านั้นคือ หลังเกิดเหตุการณ์มีนักท่องเที่ยวเช็คเอาท์ออกไปเยอะมาก จึงส่งกระทบต่อทั้งตนเองและผู้ประกอบการอีกหลายๆ รายในเบตง
"ที่ผ่านมาเราประสบปัญหาช่วงเคอร์ฟิว (มาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลากลางคืนของ คสช.) และช่วงเทศกาลถือศีลอด ทำให้นักท่องเที่ยวน้อย รายได้ก็น้อยลงด้วย หลายๆ คนจึงหวังไว้ว่าช่วงเทศกาลฮารีรายอจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อมาชดเชยกับความเงียบเหงาในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มาเจอเหตุระเบิดอีก นักท่องเที่ยวก็หายหมด แล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไร เพราะเมืองท่องเที่ยวอย่างเบตงอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะนักท่องเที่ยวมาเลเซีย"
เจ้าของร้านนวดในเบตง เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะจัดกิจกรรมโปรโมชั่น โดยขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ลดราคาห้องพักและการบริการต่างๆ ลง 50% เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
"ฉันเชื่อว่าทุกคนยอม เพราะอยากให้การท่องเที่ยวของเบตงฟื้นกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด"
เป็นเดิมพันสูงสุดที่สะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวคือลมหายใจของเมืองใต้สุดแดนสยามแห่งนี้!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สาวๆ ที่เบตงกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเหตุคาร์บอมบ์กลางเมือง
ภาพโดย : สุเมธ ปานเพชร