ย้อนแผนประทุษกรรมถล่มป้อมจุดตรวจน้ำดำ ล็อคเป้าบึ้มรถฝ่ายปกครองสายบุรี
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในเดือนรอมฎอน โดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าสู่ 10 วันสุดท้าย ยังคงร้อนแรงและเต็มไปด้วยการก่อเหตุรุนแรง โดยเป้าหมายมีทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. (อาสารักษาดินแดน) และประชาชนทั่วไปโดยไม่เลือกเพศหรือวัย
สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.57 มีเหตุรุนแรงขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ละเหตุการณ์มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจ
จุดตรวจน้ำดำวอดหลังโดนถล่ม
เริ่มจากกรณีคนร้ายโจมตีจุดตรวจที่แยกน้ำดำ ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
จุดตรวจแห่งนี้เป็น "สถานีตำรวจยุทธศาสตร์" ด้วย คือ มีป้อมตำรวจซึ่งรายล้อมไปด้วยบังเกอร์กระสอบทราย มีหอคอยสำหรับสังเกตความเคลื่อนไหวในระยะไกล
เช้าวันศุกร์ที่ 18 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งยางแดง ได้นำกำลังหน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุโจมตีและยิงปะทะ พบว่าป้อมจุดตรวจถูกเพลิงไหม้เสียหายไปราว 70% เหลือเพียงหอคอยสูงเท่านั้น ขณะที่ในกองเพลิงพบอาวุธปืนของตำรวจ ทั้งปืนยาว เอ็ม 2 จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น .38 จำนวน 1 กระบอก เสียหายทั้งหมด
ส่วนรถยนต์ของตำรวจถูกกระสุนปืนเสียหาย 2 คัน รถชาวบ้านเสียหาย 4 คัน บ้านเรือนประชาชนมีร่องรอยถูกกระสุนลูกหลงอีกหลายหลัง
จากร่องรอยที่พบ คาดว่าคนร้ายมีราวๆ 15-20 คน กระจายกำลังปิดล้อมสถานียุทธศาสตร์ โดยคนร้ายมีอาวุธครบมือ ทั้งเอ็ม 16 อาก้า และเครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 โดยใช้อาคารที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสถานีตำรวจยุทธศาสตร์ และจุดระดมยิงใส่ ที่ผ่านมาจุดตรวจแห่งนี้เคยถูกโจมตีแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
ระดมยิงจาก 2 จุดสูงข่ม-พื้นราบ
แผนประทุษกรรมของคนร้าย คือการกระจายกำลังไปซุ่มอยู่บนอาคารที่กำลังก่อสร้างใกล้ๆ จุดตรวจ และใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่ชุดแรก จากนั้นก็มีกำลังอีกชุดหนึ่งตัดต้นไม้ขวางถนน และโปรยตะปูเรือใบเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยอื่นส่งกำลังเข้ามาช่วย โดยทหารจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ได้นำรถหุ้มเกราะรีวาเข้าช่วยเหลือ แต่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดระหว่างทาง โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด พบว่า จุดสูงข่มและชัยภูมิที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นฐานซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ มาจาก 3 จุดด้วยกัน คือ
จุดแรก ยิงมาจากด้านหลังป้อมที่เป็นอาคารพาณิชย์สองคูหา 2 ชั้น อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยกลุ่มคนร้ายขึ้นไปบนชั้น 2 ของอาคารแล้วใช้อาวุธปืนสงครามหลายกระบอกระดมยิงจากช่องหน้าต่าง ระยะห่าง 30 เมตร พร้อมกับโยนระเบิดเพลิงที่ทำจากขวดน้ำมันใส่ป้อม ทำให้เกิดเพลิงไหม้
จุดที่สอง ยิงมาจากด้านซ้ายของป้อม ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สามชั้นครึ่ง 2 คูหา กำลังก่อสร้างเช่นกัน อยู่ห่างจากป้อมประมาณ 100 เมตร โดยกลุ่มคนร้ายขึ้นไปที่ชั้น 3 แล้วใช้อาวุธปืนสงครามระดมยิงจากช่องหน้าต่างใส่ป้อม
จุดที่สาม ยิงมาจากด้านหน้าป้อมในวิถีราบ โดยจุดยิงอยู่ที่ข้างร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของผู้ใหญ่บ้าน คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงจากระยะ 30 เมตร
สถานียุทธศาสตร์แห่งนี้ มีตำรวจประจำการทั้งหมด 11 นาย เป็นนายตำรวจสัญญาบัตร 2 นาย ที่เหลือ 9 นายเป็นตำรวจชั้นประทวน แต่วันเกิดเหตุเหลือกำลังเพียง 7 นาย
ล็อคเป้าบึ้มขบวนรถฝ่ายปกครองสายบุรี
ก่อนหน้าเหตุการณ์ที่ อ.ทุ่งยางแดง เพียง 2 วัน คือ ช่วงค่ำวันอังคารที่ 15 ก.ค. ได้เกิดเหตุรุนแรงขนาดใหญ่อีกเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบจุดชนวนระเบิดโจมตีขบวนรถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร ขณะปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ประกอบด้วย
1.นายอดุลย์ หมีดเส็น ปลัดอาวุโส อ.สายบุรี บาดเจ็บเล็กน้อย
2.นายดอเลาะ อายุ 33 ปี เป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.สายบุรี ข้อมือหัก
3.นายอาดีลัน แรเฮ็ง อายุ 28 ปี อส.ประจำ อ.สายบุรี อาการสาหัส
4.นายอับดุลเลาะ ยะลา อส.ประจำ อ.สายบุรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
5.นายฟารีดล เบญจลักษณ์ อส.ประจำ อ.สายบุรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
6.ส.อ.ผดุงเกียรติ ครุฑศรัทธา อายุ 27 ปี เจ้าหน้าที่ประจำกองร้อย อส.ประจำ อ.สายบุรี แขนหัก
7.นายนันทรัตน์ บัวแย้ม ปลัดป้องกัน อ.สายบุรี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหาร ได้ไปร่วมกิจกรรมละศีลอด (เปิดปอซอ) กับชาวบ้านและผู้นำศาสนาที่มัสยิดบ้านพอเหมาะ หมู่ 5 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี จากนั้นจึงเดินทางกลับ โดยขบวนรถมีทั้งสิ้น 7 คัน ประกอบด้วยรถนายอำเภอ รถผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 และรถปลัดอำเภอสายบุรี ระหว่างทางถูกคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ประกอบไว้ในรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง (โชเล่ย์บอมบ์) จอดทิ้งไว้บนสะพานบ้านลาฆอ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่หมู่ 1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เป็นจังหวะที่รถในขบวนคันที่ 6 แล่นผ่านพอดี ซึ่งเป็นรถของปลัดอาวุโส อ.สายบุรี ทำให้ตัวปลัดและ อส.ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ตรวจสอบเบื้้องต้นทราบว่า รถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่คนร้ายใช้ซุกระเบิด เป็นของชาวบ้าน อ.สายบุรี ซึ่งแจ้งหายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.54 ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ประกอบใส่ถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม น้ำหนักระเบิดราว 30-50 กิโลกรัม คาดว่าคนร้ายเกาะติดความเคลื่อนไหวของนายอำเภอและปลัดอำเภอสายบุรีมาตลอด และล็อคเป้าหมายช่วงเดินทางกลับ โดยนำรถโชเล่ย์บรรทุกระเบิดมาจอดดักก่อนที่ขบวนรถจะแล่นผ่านเพียงไม่นาน
ยิงรายวันอื้อ-หญิงวัย 62 ยังไม่เว้น
สำหรับเหตุรุนแรงอื่นๆ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. เวลาประมาณ 03.30 น. คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายเบี้ยว ทองประยูร อายุ 47 ปี พนักงานดับเพลิงของเทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะเดินทางออกจากบ้านไปกรีดยางพารา เหตุเกิดบนถนนสาย 4060 รือเสาะ-รามัน ใกล้สะพานคลองเต็ง อ.รือเสาะ
วันพุธที่ 16 ก.ค. เวลา 21.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายอาลียะ มาหะมะ อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านกูวิง อยู่บ้านเลขที่ 63/3 บ้านกูวิง หมู่ 3 ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่ นายอาลียะ กำลังขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปตรวจเยี่ยมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่กำลังเข้าเวรยามที่โรงเรียนบ้านโคกนิบง
วันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค.เวลา 13.20 น. คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ประกบยิง นางแดง จันทร์คง อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 5 ต.พร่อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กระสุนถูกบริเวณศีรษะและลำตัว เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะที่ นางแดง กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากงานบวชที่วัดโคกม่วง มุ่งหน้ากลับบ้าน โดยใช้เส้นทางเลียบคลองชลประทานบ้านโคกยาง ท้องที่หมู่ 5 ต.พร่อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยหลังก่อเหตุ คนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ของนางแดงหลบหนีไปด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 สถานีตำรวจยุทธศาสตร์บ้านน้ำดำ ซึ่งเป็นป้อมจุดตรวจที่ถูกคนร้ายโจมตี
2 ระเบิดเพลิงของคนร้ายทำให้เกิดเพลิงไหม้จนด้านในป้อมจุดตรวจเหลือแต่ซาก
3 อาคารที่กำลังก่อสร้างด้านหลังป้อมจุดตรวจ ซึ่งเป้นจุดที่คนร้ายใช้ยิงถล่มป้อม
ขอบคุณ : เจ้าหน้าที่ชุดตรวจจุดเกิดเหตุ เอื้อเฟื้อภาพ