แพทยสภาสอบ รพ.เอกชนชื่อดัง พัวพันค้าไต
สื่อเขมรตีข่าวจับกุมนายหน้าขายไต ส่ง รพ.เอกชนชื่อดังในไทยเปลี่ยนถ่ายให้ผู้ป่วย ด้านแพทยสภาเตรียมตรวจข้อมูลเปลี่ยนอวัยวะย้อนหลัง รพ.ดังกล่าว 1 ปี เชื่อแพทย์ไม่กล้าทำผิด เหตุโทษหนัก และเป็นการผ่าตัดใหญ่ แอบทำเองลำบาก ฝ่าย สบส.พร้อมตรวจเส้นทางอวัยวะของ รพ. หากพบเปลี่ยนถ่ายจริง ทำถูกกฎหมายและจริยธรรมหรือไม่
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีสื่อกัมพูชารายงานข่าวการจับกุมชาวเขมรที่เป็นนายหน้าลักลอบขายไต โดยส่งมายัง รพ.เอกชนรายใหญ่ในประเทศไทยเพื่อทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไต ว่า หากจะตรวจสอบข่าวดังกล่าวต้องพิจารณาหาหลักฐานหลายอย่าง เพราะอาจเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวของผู้ที่ลักลอบขายไตและผู้เป็นนายหน้า จนมีการให้ข่าวเท็จหรือไม่ หากจะตรวจว่าซื้อขายจริงหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์ว่าเกิดการผ่าตัดขึ้นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ แพทยสภาได้ติดต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชนรายนี้แล้ว เบื้องต้นโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ได้ให้การรักษาเปลี่ยนอวัยวะ อย่างไรก็ตาม แพทยสภาจะตรวจสอบเพิ่มเติมโดยสืบค้นข้อมูลย้อนหลัง 1 ปี ว่า เคยมีการรักษาเปลี่ยนอวัยวะหรือไม่
ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปลี่ยนไตนั้น ตามปกติไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆ เนื่องจากทั้งผู้บริจาคไตและผู้รับบริจาค ต้องผ่านกระบวนการตรวจเลือด ตรวจเนื้อเยื่ออวัยวะ เพื่อหาความเข้ากันได้ของอวัยวะ และต้องทำการตรวจในโรงพยาบาลที่จะทำการเปลี่ยนไตให้ ตนจึงไม่มั่นใจว่า เนื้อหาข่าวต่างประเทศ ที่อ้างว่ามีการขายไตมาให้ประเทศไทยนั้น มีความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้
"แพทยสภา ไม่ได้นิ่งเฉยกำลังดำเนินการตรวจสอบเป็นการภายในเพื่อหาหลักฐานอยู่ แต่เท่าที่ผ่านมา แพทย์ในประเทศไทย มักไม่กล้ากระทำผิดในเรื่องการซื้อขายอวัยวะ เพราะต่างทราบกฎหมายและบทลงโทษดี การผ่าตัดส่วนใหญ่จึงทำอย่างถูกต้อง โดยการขอรับอวัยวะที่ได้รับบริจาคผ่านสภากาชาดไทยเท่านั้น” นายกแพทยสภา กล่าวและว่า ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแพทย์อาจทำการผ่าตัดโดยพลการ หรือมีส่วนรู้เห็นในกระบวนการดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นไปได้ยาก เพราะการผ่าตัดเปลี่ยนไตเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้แพทย์และพยาบาลจำนวนมาก การผ่าตัดแต่ละครั้งจึงไม่สามารถทำแบบเงียบๆ ได้ ต้องมีคนรู้เห็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันการเปลี่ยนไต มีการทำเพียง 400 ราย ประกอบกับแพทย์ที่ให้การผ่าตัดเปลี่ยนไตมีจำนวนน้อย หากมีการเปลี่ยนไตจริง ก็ต้องมีแพทย์ที่รับทราบเรื่องดังกล่าว แต่หากแพทย์มีส่วนรู้เห็นจริง โทษคือถูกเพิกถอนใบอนุญาตถาวร
ขอบคุณข่าวจาก