ตั้ง"รัฐอิสลามเอเชียอาคเนย์" ไฟสุมขอนปะทุหลังอหังการ์'ไอเอสไอแอล'
ฮือฮาไม่น้อยสำหรับผู้ที่สนใจปัญหาความมั่นคง เมื่อสื่อมาเลเซียออกมาตีข่าวว่าพบกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใหม่ถึง 4 กลุ่ม เคลื่อนไหวโดยมีเป้าหมายตั้ง "รัฐอิสลามขนาดใหญ่" ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงดินแดนทางตอนใต้ของประเทศไทยที่กำลังมีปัญหาความไม่สงบอยู่ด้วย
สื่อที่รายงานข่าวนี้คือ หนังสือพิมพ์ สเตรทสไทมส์ ของสิงคโปร์ อ้างรายงานของนิวสเตรทส์ไทมส์ในมาเลเซียว่า หน่วยความมั่นคงมาเลเซียพบและระบุชื่อกลุ่มก่อการร้าย 4 กลุ่มใหม่ที่หวังตั้ง "รัฐอิสลาม" ครอบคลุมพื้นที่หลายส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบบเดียวกับกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เคลื่อนไหวตั้งรัฐอิสลามอยู่ดินแดนที่เป็นประเทศซีเรียและอิรัก (กลุ่มไอเอสไอแอลเดิม หรือ รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์)
ตามข่าวระบุว่า มาเลเซียได้เผยชื่อกลุ่มก่อการร้ายทั้ง 4 กลุ่มเป็นตัวย่อ ได้แก่ BKAW, BAJ, Dimzia และ ADI โดยเชื่อว่ากลุ่มต่างๆ ดังกล่าวปฏิบัติการเคลื่อนไหวอยู่ในหลายรัฐของประเทศ อาทิ สลังงอร์ และเปรัค
เพาะเชื้อจากเจไอ-เคเอ็มเอ็ม
แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองมาเลเซีย เผยกับนิวสเตรทส์ไทมส์ว่า กลุ่มเหล่านี้มีที่มาจากเซลล์ก่อการร้ายที่รู้จักกันก่อนหน้านี้ เช่น เจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือ เจไอ และ กุมปูลัน มูจาฮีดิน มาเลเซีย หรือ เคเอ็มเอ็ม (Kumpulan Mujahidin Malaysia) ที่อยู่เบื้องหลังส่งชาวมาเลเซียจำนวนหนึ่งไปร่วมรบกับกองกำลังในซีเรีย หลังผ่านการฝึกจากทางใต้ของไทย และกับกลุ่มอาบู ไซยาฟ ในฟิลิปปินส์
หน่วยข่าวกรองมาเลเซียให้ข้อมูลอีกว่า ทั้ง 4 กลุ่มเคลื่อนไหวเป็นอิสระ ไม่ขึ้นแก่กัน แต่พวกเขารับอุดมการณ์เดียวกับกลุ่มสุดโต่งอย่างอัลกออิดะห์ และกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรียที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น "รัฐอิสลาม" (ไอเอส) และเพิ่งประกาศตั้งรัฐอิสลามแบบในยุคกลางในดินแดนคาบเกี่ยวอิรักกับซีเรีย หลังจากยึดครองดินแดนบางส่วนได้
ส่วนรัฐอิสลามตามเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้าย 4 กลุ่มในมาเลเซียนี้ มีชื่อว่า Daulah Islamiah Nusantara ครอบคลุมพื้นที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ทางใต้ของไทย และเกาะแก่งทางใต้ของฟิลิปปินส์
ใช้ค่ายฝึก "อาบู ไซยาฟ"
รายงานข่าวชิ้นเดียวกันยังระบุอีกว่า ค่ายฮูไดบิยาห์ ค่ายฝึกหลักของอาบู ไซยาฟ ในฟิลิปปินส์นั้น รับสมาชิกกลุ่มที่เคลื่อนไหวในมาเลเซียไปเรียนรู้สงครามในเมือง และฝึกทักษะความชำนาญในการประกอบวัตถุระเบิด ขณะที่ผู้นำและสมาชิกอาวุโสของ 4 กลุ่มมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มต่างๆ ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ของไทย อินโดนีเซีย พม่า ตลอดจนอาบู ไซยาฟ และไอเอส (ในตะวันออกกลาง)
จากข้อมูลทั้งหมดทำให้หน่วยงานความมั่นคงมาเลเซียวิตกว่า กลุ่มต่างๆ ทั้งหมดนี้อาจหันมาร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุความฝันในที่สุด
นิวสเตรทส์ไทมส์ ให้ข้อมูลด้วยว่า กลุ่มเคลื่อนไหวใหม่ที่มาเลเซียเพิ่งเปิดเผยชื่อ ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากคนในท้องถิ่น รวมถึงนักธุรกิจและผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ โดยมีรายงานว่า บีเคเอดับเบิลยู (BKAW) หาสมาชิกผ่านเฟซบุ๊คและตามสถานที่ชุมนุม หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคือ นายอาห์หมัด ทาร์มิมิ มาลิกิ คนงานโรงงานวัย 26 ปีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส และเป็นผู้สังหารทหาร 25 คนด้วยการโจมตีพลีชีพในอิรักเมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา
กลุ่ม ดิมเซีย (Dimzia) เพิ่งตั้งในปีนี้ เป็นกลุ่มแยกตัวออกมาจากกลุ่มบีเอเจ (BAJ) แม้ผู้นำของดิมเซียถูกทางการรวบตัวแล้ว แต่สมาชิกยังเคลื่อนไหวอยู่ ส่วน เอดีไอ (ADI) มีอายุไม่ถึง 1 ปี แต่เชื่อว่ามีสายสัมพันธ์ชัดเจนกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างชาติ รวมถึง เจมาห์ อันชารุต เทาฮิด ในอินโดนีเซีย
มั่นคงไทย ชี้ "ภัยใกล้ตัว"
ทั้งหมดนั้นเป็นข่าวจากทางมาเลเซีย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะตามข่าวก็ระบุชัดเลยว่าดินแดนทางตอนใต้ของไทยถูกขีดให้เป็นส่วนหนึ่งของ "รัฐอิสลามใหม่" ที่จะเกิดขึ้นตามแผนของกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าวด้วย
แหล่งข่าวระดับสูงจากหน่วยงานความมั่นคงของไทย ระบุว่า จริงๆ แนวคิดตั้งรัฐอิสลามในเอเชียอาคเนย์มีมานานแล้ว เป็นพวก pan islam หมายถึงกลุ่มที่ต้องการสร้างรัฐอิสลาม ไล่จากทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ มายังอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทย
"กลุ่มที่มีแนวคิดแบบนี้ก็เช่น เจไอ ที่มีแกนนำลำดับ 2 คือ ฮัมบาลี ซึ่งถูกจับกุมได้ในบ้านเรา ระยะหลังแนวคิดนี้ขยายตัวในมาเลเซียค่อนข้างมาก มีสมาชิกจากมาเลย์หลายคนไปร่วมรบที่ซีเรีย และกลับมาเคลื่อนไหวต่ออย่างเข้มข้นขึ้น ทางการมาเลเซียกังวลมาก เพราะอันตรายกับมาเลเซียมากที่สุด เนื่องจากดินแดนของเขาเป็นแหล่งบ่มเพาะกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง แม้แต่ผู้นำกลุ่มเจไออย่าง อาบู บากัร บาชีร์ ก็เคยหนีมาฝังตัวที่มาเลเซียหลายปี ปัจจุบันรัฐบาลมาเลย์ให้หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายรับผิดชอบปัญหานี้ ซึ่งประสานงานค่อนข้างใกล้ชิดกับหน่วยข่าวของไทย"
แหล่งข่าวรายนี้ บอกด้วยว่า กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใหม่ที่ทางการมาเลเซียเปิดเผยขึ้นมา ถือเป็นภัยใกล้ตัวของไทยแน่นอน เพราะถ้าขยายอิทธิพลหรือความเคลื่อนไหวเข้ามาเกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นปัญหาใหญ่ แต่ที่ยังไม่น่ากังวลมากนักสำหรับไทยเพราะความเป็นไปได้ในการตั้งรัฐอิสลามค่อนข้างน้อย ประกอบกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องล้วนต่อต้านการเคลื่อนไหวนี้อย่างแข็งขัน ส่วนข่าวที่ว่ามีการลักลอบเข้ามาฝึกอาวุธในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยนั้น ยังไม่มีรายงานที่มีน้ำหนักเพียงพอ
แนวคิด "รัฐอิสลามบริสุทธิ์"
ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคง สอดรับกับความเห็นของ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตหัวหน้าศูนย์ประสานงานชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพบก ผู้เชี่ยวชาญด้านมาเลเซีย ที่่บอกว่าเคยพูดเรื่องนี้มานาน แต่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาใหญ่ของมาเลเซียซึ่งมีพรมแดนติดกับไทยตั้งแต่สมัยที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเคเอ็มเอ็ม ต้องการตั้ง "รัฐอิสลามบริสุทธิ์" และมีรายงานเรื่องนี้มากมายของหน่วยสันติบาลมาเลเซีย
ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศมาเลเซียมีปัญหาภายในเรื่องความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ฉะนั้นการจุดกระแสอิสลามสุดโต่งจึงมีความเปราะบางอย่างมาก และสวนทางกับจุดยืนของมาเลเซียที่ประกาศต่อชาวโลกมาตลอดว่าตนเป็นมุสลิมสายกลาง
ฟันธงเกิดยากในอาเซียน
ขณะที่นักวิชาการด้านความมั่นคงอย่าง ดร.ปณิธาน วัฒนายากร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะช่วงที่มีการจับกุมสมาชิกกลุ่มเจไอที่เคลื่อนไหวเตรียมโจมตีสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ก็มีข้อมูลว่าคนกลุ่มนี้มีแนวคิดตั้งรัฐอิสลาม สะท้อนว่าอย่างน้อยก็มีความคิดอยู่แล้วของขบวนการมุสลิมบางกลุ่มที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในแบบที่ไม่เป็นไปตามวิถีของตะวันตก
"ในอดีตเป็นเรื่องอุดมการณ์ ไม่เคยจัดตั้งจริงจัง กระทั่งมีเจไอจึงเริ่มเห็นภาพชัด เพราะเจไอมีเครือข่าย มีการแบ่งการทำงานออกเป็นพื้นที่ของแต่ละประเทศเป้าหมาย การจับกุม อาบู บากัร บาชีร์ และขบวนการหลายสิบคน ก็มีการสาวไปถึงว่าแต่ละประเทศมีกลุ่มเจไอเคลื่อนไหวอย่างไร"
อย่างไรก็ดี ดร.ปณิธาน ฟันธงว่า แนวคิดนี้เกิดขึ้นยากในเอเชียอาคเนย์ เพราะมีประวัติศาสตร์แตกต่างจากตะวันออกกลาง
"ดินแดนอิรักในอดีตเคยเป็นรัฐอิสลามสุลต่านองค์เดียวมาแล้ว มาสิ้้นสุดก็ตอนตุรกีเข้าไปยึดอิรักหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเห็นได้ว่าศาสนาอิสลามเข้ามามีอิทธิพลหลังศาสนาอื่น และมีรัฐสุลต่านเล็กๆ มากมาย แต่ไม่เคยอยู่ใต้รัฐอิสลามรัฐใหญ่รัฐเดียว อย่างที่ชายแดนใต้ก็มียะหริ่ง สายบุรี ระแงะ กระจายกันอยู๋ ไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐเดียว แนวคิดนี้เป็นไปได้ยาก"
"นอกจากนั้น ในตะวันออกกลางยังมีเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างสุหนี่ กับชิอะห์ เข้าไปเสริม แต่ของเราขัดแย้งไม่รุนแรง กลุ่มชีอะห์ไม่ได้เข้มแข็ง ผิดกับตะวันออกกลาง ที่สำคัญอเมริกายังเข้าไปสร้างเงื่อนไข และปลุกให้เงื่อนไขเดิมที่มีอยู่แล้วรุนแรงขึ้น จนเกิดกลุ่มไอเอสไอแอล และเข้มแข็งขึ้นมากในระยะหลัง"
"ไอเอส"ในอิรักปลุกพลัง
กระนั้นก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาในทัศนะของ ดร.ปณิธาน ก็คือ ปรากฏการณ์ของไอเอสในตะวันออกกลาง ทำให้ขบวนการเคลื่อนไหวในท้องถิ่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังใจและมีพลังขึ้นมา หลายคนจึงประเมินว่าน่าจะมีความเคลื่อนไหวที่เข้มข้นขึ้นนับจากนี้ไป เพราะมีเป้าหมายชัดเจนเรื่องตั้งรัฐใหม่
แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ อาจนำเงื่อนไขที่เกิดในอิรักและตะวันออกกลางมาขยายผลเพื่อกดดันกวาดล้างกลุ่มที่มีแนวคิดนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลยก็เป็นได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็น่ากังวลว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขอื่นขึ้นมาอีก
ส่วนความเสี่ยงของไทย ดร.ปณิธาน ประเมินว่า ยังอยู่อีกไกล ถ้านับเป็นจังหวะก็ห่าง 2 จังหวะ จังหวะแรก คือ ขบวนการในภาคใต้อยากแยกเป็นรัฐอิสระเองหรือเปล่า หรือว่าได้รับอิทธิพลของแนวคิดนี้ ซึ่งก็เชื่อว่าต้องการแยกเอง แต่ความเป็นไปได้ก็ยังห่างไกล แม้เขตปกครองพิเศษก็ยังไกล แล้วจังหวะที่ 2 ยังจะเอาปัตตานีไปร่วมเป็นรัฐอิสลามในบริบทของ "ซุปเปอร์สเตท" อีก จึงยิ่งยาก
"แต่ขบวนการที่เคลื่อนไหวนั้นมีแน่ๆ โดยใช้เรื่องญิฮาดในการผลักดัน แต่ยังเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่มีพลังมาก ยกเว้นมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาเติม ขณะที่เจไอเองหลังจากถูกปราบปรามอย่างหนักก็แตกย่อยออกเป็นขบวนการเล็กๆ แต่ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณยังคงมีสูงอยู่" ดร.ปณิธาน กล่าว
ถือเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาในมิติด้านความมั่นคงในภูมิภาคซึ่งแยกไม่ออกกับสถานการณ์ตึงเครียดระดับโลก!
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : การเคลื่อนไหวของไอเอสไอแอลในอิรักและซีเรีย
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์ http://www.mcot.net/site/content?id=53b0d44bbe047051b88b4568#.U7YBi7ER2ZQ