ก.พ.ร.คลอดคู่มือการประกอบธุรกิจในประเทศไทย 2558

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ คลอดคู่มือการประกอบธุรกิจในประเทศไทย 2558 คาดจะทำให้เกิดความง่าย คล่องตัว สะดวก รวดเร็วต่อธุรกิจในประเทศและระหว่างประเทศ

วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) จัดงานแถลงข่าวเรื่อง “คู่มือการประกอบธุรกิจในประเทศไทย” (Doing Business in Thailand 2015) ณ ห้องประชุม ชั้น 5 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กรุงเทพฯ

นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวถึงการเปิดตัวคู่มือการประกอบธุรกิจในประเทศไทยฉบับนี้ว่า ก.พ.ร.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 18 หน่วยงานจัดทำคู่มือการประกอบธุรกิจในประเทศไทย 2558 ขึ้นเพื่อให้นักลงทุนและผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้เข้าใจกระบวนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับขั้นตอนของการประกอบธุรกิจ นับตั้งแต่เริ่มธุรกิจจนถึงปิดกิจการ อาทิ การจัดตั้งธุรกิจ การขออนุญาติการก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า และการจดทะเบียนทรัพย์สิน เป็นต้น ซึ่งจะนำเสนอด้วยรูปแบบของอินโฟกราฟฟิก (Infographic) ที่เข้าใจง่าย ถึง 4 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน และญี่ปุ่น โดยหวังจะทำให้การประกอบธุรกิจในไทยมีความง่าย คล่องตัว สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น

นอกจากนี้ยังผลักดันระบบเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆเป็นหนึ่งเดียว หรือ National Single Window ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการแผนงานทั้งหมดที่วางไว้สำเร็จ คาดว่า ผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี ของธนาคารโลกที่ปี 2556 ไทยอยู่อันดับที่ 18 จาก 187 ประเทศ จะสามารถขยับขึ้นมาติดอันดับ 1 ใน 10 ได้

เลขาธิการ ก.พ.ร. ยังเปิดเผยอีกว่า ทาง ก.พ.ร. ยังมีการจัดทำโครงการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยและพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยการยกระดับงานบริการภาครัฐ ภายใต้หลักการสำคัญ 8 ข้อ ได้แก่ ช่องทางการบริการที่สะดวกทันสมัย , ข้อมูลเข้าใจง่ายและสอดคล้องกันทุกช่องทาง,บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวโดยไม่ต้องติดต่อหลายหน่วยงาน,มีกรอบเวลาและมาตรฐานในการบริการที่ชัดเจน,ลดการใช้เอกสารและไม่ขอข้อมูลที่ภาครัฐมีอยู่แล้ว ,ตอบสนองต่อขอร้องเรียนและดำเนินการแก้ไขอย่างรวดเร็ว,พัฒนางานบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลดความเสี่ยงของการทุจริต ซึ่งในเบื้องต้นตอนนี้ได้นำเสนอโครงการดังกล่าวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา