29 มิ.ย. "ปอซอวันแรก" กับบันทึกแรกก่อนรอมฎอน
นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง กำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) 1435 ระบุว่าตามที่ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปี ฮ.ศ.1435 ในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.57 ในเวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฏว่าในวันและเวลาดังกล่าว ไม่มีผู้เห็นดวงจันทร์
จึงขอประกาศว่า วันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ประจำปี ฮ.ศ.1435 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย.57
แม่ทัพร่วมดูดวงจันทร์ - ชวนปฏิเสธความรุนแรง
สำหรับบรรยากาศวันดูดวงจันทร์ที่ชายแดนใต้ มีพี่น้องมุสลิมทั้งจาก จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา จำนวนนับพันคนเดินทางไปที่หอชมดวงจันทร์ บ้านบูเก๊ะปาเระ บนภูเขาหลังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นหอชมดวงจันทร์หนึ่งเดียวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.4 สน.) ได้ถือโอกาสมอบของขวัญให้กับพี่น้องประชาชนที่ไปร่วมดูดวงจันทร์ นอกจากนั้นยังมีทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ไปให้บริการชาชักและโรตีด้วย
ขณะเดียวกัน พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปร่วมดูดวงจันทร์กับประชาชน ซึ่งเป็นครั้งแรกของแม่ทัพผู้นี้ ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
พล.ท.วลิต กล่าวว่า ช่วงนี้เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่นับถือศาสนาอิสลามก็สามารถลาได้ตามระเบียบที่มี ทั้งนี้ได้มีโอกาสคุยกับคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ ทราบว่าเดือนนี้เป็นเดือนแห่งบุญ เป็นเดือนแห่งการเข้าหาพระเจ้า และเมื่อเข้าหาพระเจ้า พี่น้องทุกคนก็จะเป็นคนดี เมื่อพี่น้องทุกคนเป็นคนดี ก็จะละเลยอบายมุขทั้งมวล รวมทั้งปฏิเสธความรุนแรง เมื่อพี่น้องปฏิเสธความรุนแรง ก็ตรงกับความต้องการของเจ้าหน้าที่ จากนั้นสันติสุขก็จะเกิดในพื้นที่นี้
ดร.อับดุลเลาะ อาบูบากา กรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา กล่าวว่า การดูดวงจันทร์ถือเป็นกฎของอิสลาม มีฮาดิษบทหนึ่งกล่าวว่า "จะปอซอต้องดูดวงจันทร์ จะรายอต้องดูดวงจันทร์" จึงทำให้ฤดูกาลของปอซอขยับตลอดทุกปี บางปีจะตรงกับฤดูหนาว บางปีฤดูฝน ใน 12 เดือนมีโอกาสตรงกับปอซอหมด ทำให้เดือนปอซอแต่ละปีไม่ตรงกันทุกปี
คนชายแดนใต้ "เที่ยวทิ้งท้าย" ไปทะเล-น้ำตก
ส่วนบรรยากาศการต้อนรับรอมฎอนที่ชายแดนใต้เป็นไปอย่างคึกคัก วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันที่สำนักจุฬาราชมนตรีประกาศให้เป็นวันดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ปรากฏว่ามีพี่น้องมุสลิมหอบลูกจูงหลานไปพักผ่อนหย่อนใจตามสถานที่ต่างๆ ทั้งทะเล น้ำตก และสวนสัตว์ ทุกที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างพร้อมใจกัน "เที่ยวทิ้งท้าย" ก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอด ไม่รับประทานอาหารและน้ำตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
ที่ จ.ปัตตานี ริมหาดตะโละสะมิแล ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ชายหาดที่ทอดยาวริมถนน เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ดึงดูดใจให้ผู้คนไปพักผ่อนหย่อนใจและเล่นน้ำ โดยที่หาดแห่งนี้มีบริการเจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ท (เรือกล้วย) ห่วงยาง ในบรรยากาศทะเลสวยน้ำใส เด็กๆ และหนุ่มสาวพากันลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน หลายครอบครัวนำอุปกรณ์ทำอาหารประเภทปิ้งย่างไปตั้งเตาปิ้งกันริมทะเล เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ดังเคล้าเสียงคลื่น
ละหมาดฮายัตขอพรรอมฎอนสงบสุข
ก่อนหน้าเข้าสู่เดือนรอมฎอนประมาณ 1-2 สัปดาห์ มีกิจกรรมหลากหลายที่ชายแดนใต้เกือบทุกวัน...
18 มิ.ย. ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ผู้นำศาสนาจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สภาอูลามา สมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สมาพันธ์โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนใต้ มัสกัสนูรุลอิสลาม และชมรมมุสลิมภราดรภาพ รวมทั้งพี่น้องมุสลิมจำนวนหลายพันคน ร่วมพิธีละหมาดฮายัตเพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ประทานความสงบสุขในเดือนรอมฎอน โดยมี นายการีม นาคนาวา ประธานสภาอุลามาปัตตานี นำละหมาดและดุอา นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี อ่านสาส์นแสดงเจตนารมณ์
นายแวดือราแม กล่าวว่า เดือนรอมฎอนเป็นเวลาประเสริฐที่มุสลิมควรใช้ในการทำความดีเพื่อตนเอง เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการได้ใกล้ชิดพระเจ้า เพิ่มคุณความดีได้ไม่จำกัดกับการถือศีลอดตามแบบที่อัลลอฮ์ทรงใช้ ให้ได้ตระหนักถึงการช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นความทุกข์ ตระหนักถึงความหิวโหย เห็นใจคนอื่น เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งการถือศีลอดที่แท้จริง เดือนนี้ต้องละเว้นทุกอย่างทั้งกาย วาจา และใจ งดการกระทำในสิ่งที่ห้ามตามเจตนารมณ์ของอิสลาม ขอให้มุสลิมทุกคนถือศีลอดอย่างตั้งใจ ช่วยกันนำพาสังคมสู่สันติและความสงบสุข ทำงานตามกำลังอย่างเต็มความสามารถตามศาสนบัญญัติ โดยเฉพาะการไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
ขณะที่ ดร.อิสมาแอลลุตฟี จะปะกิยา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวในการเสวนา "รอมฎอนสันติสุข คืนความสุขสู่ชายแดนใต้" ตอนหนึ่งว่า รอมฎอนมีเพียงเดือนเดียวในแต่ละปี ทุกห้วงเวลามีค่าและมีความสำคัญในเดือนนี้ ต้องกอบโกยความดีให้มากที่สุด สร้างความดีโดยการการปฏิบัติอย่างเข้าใจ รำลึกถึงอัลลอฮ์ตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน อิสลามกำชับให้มีความบริสุทธิ์ใจในทุกเวลา สาระสำคัญของรอมฎอนคือมีน้ำใจ ทำความดีกับผู้อื่นโดยเจตนาดี ใช้ชีวิตตามแนวทางที่ถูกต้องตามหลักที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา
ทั้งนี้ มุสลิมเป็นประชากรส่วนหนึ่งของประเทศไทย ควรทำความดีนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่แห่งนี้ ให้มีความสงบสุขและเต็มไปด้วยคุณธรรมต่อบุคคล สังคม และประเทศชาติ คนที่คิดต่างหรือคิดไม่ดีนั้น ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยใจบริสุทธิ์ มีพื้นฐานของสันติภาพ ขอบคุณทุกรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับเดือนรอมฎอนของมุสลิมในการเลี้ยงละศีลอด มอบงบประมาณและเงินบริจาคแก่มัสยิดต่างๆ อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งทั้งหมดได้ช่วยสร้างบรรยากาศให้เกิดความสงบสุขขึ้นได้
อินทผลัมพระราชทานแจกจ่ายทุกมัสยิด
21 มิ.ย. ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดย นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วย พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ว่าราชการจังหวัด และประธานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมพิธีรับมอบอินทผลัมพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากนั้น นายภาณุ พล.ท.วลิต และ ร.ต.อ.พรชัย ไวยศิลป์ ประธานมูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า ได้มอบอินทผลัมแก่คณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมร่วมขอดุอาเพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมปล่อยขบวนคาราวานรถยนต์บรรทุกอินทผลัมเพื่อแจกจ่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
สำหรับการจัดพิธีรับมอบอินทผลัมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า ได้รับหนังสือจากราชเลขา ขอพระราชทานน้อมเกล้าฯถวายอินทผลัมพระราชทานจากกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย จำนวน 60 ตัน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานแก่ชาวมุสลิมในโอกาสเดือนรอมฎอน ปี 2557
ในการนี้ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้มูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า เป็นผู้ดำเนินการนำผลอินทผลัมมอบให้กับชาวมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย ศอ.บต.ได้ดำเนินการมอบผลอินทผลัมแก่ประธานคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 24 ตัน หรือ 24,000 กิโลกรัม นำไปแจกจ่ายให้กับมัสยิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2,379 แห่ง มัสยิดละ 10 กิโลกรัม และมอบให้กับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จังหวัดละ 10 กิโลกรัม รวมทั้งให้กับ ศอ.บต. จำนวน 160 กิโลกรัม
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 บรรยากาศที่หอชมดวงจันทร์ บ้านบูเก๊ะปาเระ อ.ยะหา จ.ยะลา
2 แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมดูดวงจันทร์เพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนรอมฎอนกับพี่น้องมุสลิมชายแดนใต้
3-5 ครอบครัวมุสลิมในพื้นที่หอบลูกจูงหลานไป "เที่ยวทิ้งท้าย" และย่างอาหารรับประทานร่วมกันอย่างสนุก
6-7 มุสลิมร่วมกันละหมาดฮายัต ขอพรให้รอมฎอนสันติสุข