รู้จัก "อุดมเดช สีตบุตร" รับงานหินขับเคลื่อนดับไฟใต้!
ฮือฮาไม่น้อยสำหรับโครงสร้างดับไฟใต้ใหม่ในยุค "คืนความสุขให้คนในชาติ" ที่เน้นองคาพยพและการขับเคลื่อนของฝ่ายข้าราชการประจำ โดยไม่พูดถึงฝ่ายการเมือง
ระดับนโยบาย ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นหัวหน้า มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นที่ปรึกษา
ระดับปฏิบัติ ให้แม่ทัพภาคที่ 4 ในหมวกของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) คุมเบ็ดเสร็จผ่าน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โดยหุบโครงสร้างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เหลือเพียง "ศอ.บต.ส่วนหน้า" หรือ "ส่วนแยก"
ทั้งสองระดับมีตัวเชื่อม คือ คณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหน้าที่แปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ โดยบูรณาการทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ ภายใต้โครงสร้าง กปต. หรือ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รวม 17 กระทรวง 16 หน่วยงาน) เข้าด้วยกัน รวมไปถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของ ศอ.บต. ที่ชื่อ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนา หรือ กพต.ด้วย
ที่น่าสนใจคือ ตามโครงสร้างกำหนดให้ "รองผู้บัญชาการทหารบก" (รองผบ.ทบ.) เป็นประธานคณะทำงานฯ ในที่นี้ย่อมหมายถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ.หนึ่งเดียวใน 5 เสือ ทบ.
ชื่อของ พล.อ.อุดมเดช ติดหูมานาน และคนในวงการทราบกันดีว่าเขาคือแคนดิเดตเบอร์ 1 ในเก้าอี้ ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้
ทว่าระยะหลังๆ พล.อ.อุดมเดช เงียบหายไปจากหน้าสื่อ เพราะมีชื่อนายทหารคนอื่นใน 5 เสือ ทบ.ขึ้นมาดังเปรี้ยงปร้างแทน และมีข่าวว่าอาจคว้าเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไปครอง
ปัจจุบัน พล.อ.อุดมเดช หรือ "บิ๊กโด่ง" ทำหน้าที่เลขาธิการ คสช. ฉะนั้นหากเขาลุยงานดับไฟใต้ให้ปรากฏผลในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็อาจเป็นการการันตีเก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่ให้เปลี่ยนมือไปเป็นของใคร
พล.อ.อุดมเดช เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่น 14 และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่น 25 เส้นทางชีวิตราชการเดินตามรอย พล.อ.ประยุทธ์ ชนิดเป็นเงาตามกัน โดยเฉพาะการเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.21 รอ.) ซึ่งถือเป็น "บูรพาพยัคฆ์แท้!"
นอกจากนั้นเขายังดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อีกหลายตำแหน่ง เช่น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.9) รองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 เสนาธิการทหารบก และรอง ผบ.ทบ.
ที่น่าสนใจคือ สมัยที่เขาเป็นรองผู้การ ร.21 รอ.คู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ คนที่เป็นผู้การไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.ที่เกษียณอายุราชการและส่งไม้ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผบ.ทบ.แทน
ที่สำคัญ พล.อ.อุดมเดช ยังเป็นศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียล ซึ่ง "เซนต์คาเบรียล คอนเน็คชัน" ในกองทัพวันนี้มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา คสช. เป็นหัวขบวน
จุดแข็งของ พล.อ.อุดมเดช คือ ความเป็นคนสุขุม ลุ่มลึก สุภาพ อ่อนโยน จึงน่าจะเหมาะกับงานในลักษณะประสานการขับเคลื่อน เรียกว่ามีลักษณะเป็นฝ่าย "บุ๋น" มากกว่า "บู๊"
อย่างไรก็ดี ข้ออ่อนของ พล.อ.อุดมเดช คือ ไม่เคยผ่านงานภาคใต้อย่างจริงๆ จังๆ ยกเว้นเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก ซึ่งต้องทำหน้าที่เลขาธิการ กอ.รมน. (ลธ.รมน.) โดยตำแหน่ง จึงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องในนโยบายดับไฟใต้ที่ กอ.รมน.เป็นแม่งาน และ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรอง ผอ.รมน. (ในขณะนั้น) เป็นหัวเรือใหญ่
ประกอบกับ "ดรีมทีมดับไฟใต้" ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ผู้ที่มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในกระบวนการพูดคุยสันติภาพ ล้วนเป็น ตท.14 ได้แก่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
แต่ทั้งหมดนั้นถูกเด้งออกจากตำแหน่งไปหมดแล้วในยุคที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครอง...
เหลือแต่ พล.อ.อุดมเดช ที่ต้องพิสูจน์ฝีมือ!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : รูป พล.อ.อุดมเดช จากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com