หวั่นบีอาร์เอ็นไม่ร่วม"โต๊ะเจรจา" หลังมีข่าวไทยห้ามถกปกครองตนเอง
กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่เคยมีส่วนในกระบวนการพูดคุยดับไฟใต้กับรัฐบาลไทย ฉุนข่าวนโยบายใหม่ คสช.สานต่อพูดคุยแต่ห้ามมีประเด็น "ปกครองตนเอง" หวั่นบีอาร์เอ็นอาจไม่ร่วมวงทั้งๆ ที่เพิ่งรับรองเอกสาร 38 หน้าอธิบาย 5 ข้อเรียกร้องซึ่งเขียนชัดไม่ขอเอกราช-ไม่แยกดินแดน ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ สังหารสามีภรรยาวัยชราที่ อ.แม่ลาน ปัตตานี บรรยากาศสุดเศร้า เหตุเพิ่งจัดทำบุญร้อยวันเหยื่อกราดกระสุนขณะตักบาตรพระเมื่อ 13 ก.พ.
แกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐซึ่งมีความใกล้ชิดกับ นายฮัสซัน ตอยิบ อดีตหัวหน้าคณะพูดคุยสันติภาพฝ่ายบีอาร์เอ็น และสามารถประสานงานกับแกนนำทั้งบีอาร์เอ็นและพูโล แสดงความกังวลกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมสานต่อกระบวนการพูดคุยสันติภาพต่อไป แต่จะเปลี่ยนคณะพูดคุยฝ่ายไทยใหม่ และห้ามมีประเด็นเกี่ยวกับเขตปกครองตนเอง หรือ ออโตโนมี (autonomy)
แกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐรายนี้ เผยว่า ทางกลุ่มผู้เห็นต่างฯรู้สึกยินดีที่ คสช.เตรียมฟื้นกระบวนการพูดคุยสันติภาพขึ้นมาใหม่ แต่ก็กังวลที่มีรายงานข่าวทางสื่อมวลชนว่า ประเด็นการปกครองตนเอง หรือ เขตปกครองตนเองแบบพิเศษ (autonomy) จะไม่ถูกหยิบขึ้นโต๊ะพูดคุยเพื่อหาทางออกอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เห็นว่า การแสดงท่าทีดังกล่าวของฝ่ายไทยเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด และส่งผลลบที่ก่อผลกระทบต่อกระบวนการพูดคุย ในขณะที่บีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มใหญ่ที่สุด เพิ่งให้การรับรองเอกสารคำอธิบาย 38 หน้าของข้อเรียกร้อง 5 ข้อที่เสนอให้รัฐบาลไทยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขียนชัดเจนว่าต้องไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนหรือการแยกตัวเป็นเอกราช
"ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดฝ่ายไทยก็ควรให้ความหวังกับผู้เห็นต่างจากรัฐว่าจะประนีประนอมด้วยการพูดคุยเรื่องการปกครองตนเอง เพราะหากประเด็นเรื่องการปกครองตนเองไม่อยู่ในวาระของการพูดคุย ก็น่าวิตกว่าบีอาร์เอ็นอาจไม่กลับเข้าสู่โต๊ะพูดคุยก็เป็นได้" แกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างฯ ระบุ แต่ก็บอกว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงการรายงานข่าวของสื่อ อาจไม่ใช่ความจริง ฉะนั้นกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐจะรอการแถลงอย่างเป็นทางการของ คสช.ว่าจะมีแนวทางในการพูดคุยสันติภาพอย่างไร
ยิงสามี-ภรรยาวัยชราดับที่แม่ลาน
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.15 น.วันเสาร์ที่ 21 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีเหตุยิงกัน และมีผู้เสียชีวิต ในท้องที่บ้านลองแตยอ หมู่ 6 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน หลังรับแจ้งจึงประสานส่งกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นถนนในหมู่บ้าน พบรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ 1 คัน ไม่ห่างกันพบศพ นายเชย ไกรแก้ว อายุ 55 ปี และ นางเพ็ญ ไกรแก้ว อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 16 บ้านม่วงเตี้ย หมู่ 4 ต.ม่วงเตี้ย อ.แม่ลาน สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกไม่ทราบขนาด
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเชย และนางเพ็ญ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน หลังเสร็จจากการขยายขี้ยางพารา แต่ระหว่างทางถูกคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
แฉแม่ลานเพิ่งจัดทำบุญเหยื่อกระสุนคาบาตรพระ
ทั้งนี้ อ.แม่ลาน เป็นอำเภอเดียวจาก 33 อำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) แล้วประกาศเป็นพื้นที่ปรากฏภัยความมั่นคง ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคง) แทน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่งมีพิธีทำบุญร้อยวันให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าใส่ประชาชนที่กำลังตักบาตรพระ ทำให้พระภิกษุ เด็ก มารดาของเด็ก และหญิงชรา เสียชีวิตรวม 4 ศพ เหตุเกิดเมื่อ 13 ก.พ.57
ส่วนที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนคาร์บินยิงใส่ นายอับดุลเลาะ เจะนิ อายุ 53 ปี กรรมการมัสยิดบ้านท่าพง อยู่บ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 4 ต.ตะโละกาโปร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดขณะที่นายอับดุลเลาะเดินออกจากมัสยิดกำลังเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถกระบะของตนเองเพื่อขับกลับบ้าน เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง แต่ให้น้ำหนักไปที่การสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพราะนายอับดุลเลาะมีบุตรชายทำงานเป็นอาสารักษาดินแดน (อส.) อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 สัญลักษณ์ของขบวนการบีอาร์เอ็น
2 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงสามีภรรยาวัยชราเสียชีวิตที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
ขอบคุณ : ภาพที่ 2 เอื้อเฟื้อโดยเจ้าหน้าที่ชุดตรวจจุดเกิดเหตุ