พลิกปูมเบื้องหลัง-ที่อยู่ 7 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯที่ คสช.ต้องการตัว
พลิกปูมเบื้องหลัง – ที่อยู่ 7 ผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯตามหมายเรียก คสช. “จักรภพ” อยู่กัมพูชา “รศ.ใจลส์ - โรส” อยู่อังกฤษ “จรรยา” อยู่ฟินแลนด์ “ตั้ง อาชีวะ” แถวตะเข็บชายแดนไทย "โจ กอร์ดอน - ชูพงษ์" อยู่สหรัฐฯ
เป็นที่คาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือการ “กวาดล้าง” พวก “หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์” ดังจะเห็นได้จากการออกประกาศก่อนหน้านี้ที่สั่งห้ามใครกระทำความผิดเกี่ยวกับสถาบันฯอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะมีโทษขั้นร้ายแรง
ล่าสุด เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 4 พฤษภาคม 2557 คสช.ออกคำสั่งฉบับที่ 48/2557 เรียกบุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมอีก 18 คน โดยเกือบทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทั้งสิ้น
(อ่านประกอบ : เรียกอดีตบิ๊กไอแบงก์-กลุ่มหมิ่นสถาบันฯนอก ปท."จักรภพ-ใจ-ตั้ง-โรส"รายงานตัว)
โดยใน 18 คนนี้ มีหลายคนที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และปรากฏเป็นข่าวคราวบ่อยครั้ง เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รศ.ใจลส์ ใจ อึ้งภากรณ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุตรชายนายป๋วย อึ้งภากรณ์
รวมไปถึงนายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ อดีตนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิแรงงาน และนางฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ “โรส” เป็นต้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ประมวลความเคลื่อนไหวของบุคคลดังกล่าวนับตั้งแต่เป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนี้
1.นายจักรภพ เพ็ญแข
ภายหลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯ เนื่องจากไปพูดปฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ พร้อมทั้งคดีลักลอบดังฟังโทรศัพท์ไปปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงเมื่อปี 2552 โดยระหว่างที่หลบหนีก็มีความเคลื่อนไหวอยู่เกือบตลอดเวลา มีการโพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจในเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงทัศนะความคิดเห็นทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศอีกจำนวนไม่น้อย เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และพาดพิงถึงสถาบันฯ
ทั้งนี้คาดกันว่านายจักรภพน่าจะยังพักอาศัยอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เนื่องจากเมื่อ 2 วันก่อนสื่อประเทศกัมพูชาได้รายงานอ้างคำพูดของนายจักรภพ กรณีการจัดตั้งขบวนการ “เสื้อแดงพลัดถิ่น” ในต่างประเทศ เพื่อต่อต้านรัฐประหารในประเทศไทย ก่อนจะขยายผลสู่การตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” ต่อไป
2.รศ.ใจลส์ ใจ อึ้งภากรณ์
หลังเกิดรัฐประหารในปี 2549 รศ.ใจลส์ เป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยจัดชุมนุมประท้วงในกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งในปี 2550 รศ.ใจลส์ ได้ตีพิมพ์หนังสือภาษาอังกฤษชื่อ A Coup for the Rich โดยมีเนื้อหาบางส่วนอ้างอิงจากหนังสือ The King Never Smiles ซึ่งถือเป็นหนังสือพาดพิงสถาบันฯอันอื้อฉาว จึงถูกฟ้องในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเดือนมกราคม 2552
อีก 1 เดือนต่อมา รศ.ใจลส์ หลบหนีคดีไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหราชอาณาจักรจนถึงปัจจุบัน โดยระหว่างนั้นได้เขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมทั้งประกาศตัวว่าเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐ (ไม่มีสถาบันฯ) โดยขณะนี้เป็นคอลัมนิสต์ให้กับหนังสือพิมพ์เลี้ยวซ้าย และสำนักข่าวออนไลน์ทั้งไทยและต่างประเทศ
3.นายเอกภพ เหลือรา
นายเอกภพ หรือ “ตั้ง อาชีวะ” แกนนำกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย แจ้งเกิดในขบวนการหมิ่นสถาบันฯ ในการขึ้นปราศรัยบนเวทีการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีคำพูดที่จาบจ้วงสถาบันฯอย่างโจ่งแจ้ง หลังนั้นเกิดเป็นข่าวครึกโครม และนายเอกภพได้หลบหนีไปในทันที
โดยระหว่างหลบหนี นายเอกภพได้โพสต์ข้อความ รูป รวมไปถึงคลิปวีดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ล้อเลียนกลุ่มคนที่เตรียมจะมาจับกุมตัวมาโดยตลอด พร้อมอ้างว่าได้อาศัยอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากรูปภาพที่โพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ และจากแหล่งที่มาอื่น ๆ ล้วนเชื่อได้ว่านายเอกภพยังพำนักอยู่ในประเทศไทย โดยอาศัยอยู่บริเวณตะเข็บชายแดน
4.นางจรรยา ยิ้มประเสริฐ
นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางด้านแรงงานในประเทศไทย และเดินสายคอยประสานงานทำกิจกรรมเพื่อสิทธิด้านแรงงานกับต่างประเทศมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อเกิดการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในเดือนเมษายน 2553 นางจรรยา ออกเดินทางมายังประเทศแถบสแกนดิเนเวีย คือ ประเทศสวีเดน และฟินแลนด์ เพื่อไปพูดคุยกับปัญหาสิทธิแรงงาน อย่างไรก็ดีเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบคนเสื้อแดงในเดือนพฤษภาคม 2553 นางจรรยาจึงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯโดยเชื่อมโยงกับสถานการณ์การเมืองไทย ส่งผลให้เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯมานับแต่นั้น
ทั้งนี้ นางจรรยาเลือกพักอาศัยอยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ โดยไม่เดินทางกลับมาประเทศไทยอีก โดยระหว่างนั้นได้เขียนบทความ รวมถึงหนังสือวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์การเมืองไทย รวมถึงสถาบันฯมาอย่างต่อเนื่อง
5.นางฉัตรวดี อมรพัฒน์
นางฉัตรวดี หรือ “โรส” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ หลังเผยแพร่คลิปวีดีโอ พูดพาดพิงถึงสถาบันฯ รวมถึงการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ที่จาบจ้วบสถาบันฯอย่างรุนแรง จนกระทั่งพ่อกับแม่จำเป็นต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีจนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ปัจจุบัน นางฉัตรวดี แต่งงานกับสามีชาวอังกฤษ โดยเปลี่ยนสัญชาติเป็นสัญชาติอังกฤษเรียบร้อยแล้ว
6.นายจุติเทพ (เลอพงษ์) วิไชยคำมาตย์
นายจุติเทพ หรือชื่อเก่า โจ กอร์ดอน เป็นหนึ่งในอดีตนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยนายจุติเทพถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 5 ปี ในปี 2554 ข้อหาแปลหนังสือต้องห้ามในราชอาณาจักร “The King Never Smile” ทั่วราชอาณาจักร ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษหลังติดคุกได้ 1 ปี
โดยภายหลังถูกปล่อยตัวออกมา นายจุติเทพได้เดินทางออกนอกประเทศไทยในทันที และได้โพสต์ข้อความระบุว่า ดีใจที่ได้ออกจากประเทศไทย กลับคืนสู่มาตุภูมิ และระหว่างนั้นได้โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเมืองไทย และสถาบันฯ โดยนายจุติเทพเป็นลูกครึ่งไทย – สหรัฐอเมริกา จึงคาดว่าน่าจะใช้ประเทศสหรัฐฯเป็นที่พักพิง
7.ชูพงษ์ ถี่ถ้วน
นายชูพงษ์ เป็นแกนนำคนเสื้อแดงในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้ได้กระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลายครั้ง เช่น การให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศกรณีการรัฐประหารปี 2549 หรือกรณีปาฐกถาที่สหรัฐอเมริกากับนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นต้น นอกจากนี้นายชูพงษ์ ยังเป็นผู้จัดรายการ และเผยแพร่คลิปเสียง กับคลิปวีดีโอวิพากษ์วิจารณ์สถานบันฯ ผ่านโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง
โดยขณะนี้รายงานข่าวแจ้งว่า นายชูพงษ์ ยังคงพักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
ทั้งหมดนี้คือความเคลื่อนไหวล่าสุดของบุคคลสำคัญในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศ ที่ขณะนี้ คสช.ได้ออกคำสั่งเรียกตัวเข้าพบภายในวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ซึ่งหากนับจากวันนี้ถือว่าเหลือเวลาอีก 4 วันที่จะกลับเข้ามารายงานตัวได้
อย่างไรก็ดี ผู้ต้องหาแต่ละรายต่างก็หลบหนีคดีหมิ่นฯมากกว่าหลายเดือน และบางคนก็หลายปีแล้ว ดังนั้นจะมีใคร “หาญกล้า” เข้ามารายงานตัวหรือไม่ ต้องจับตาดูต่อไป !