ย้อนดูหัวหน้าคณะปฏิวัติ รัฐประหาร กับสูตรสำเร็จแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน
ภารกิจเฉพาะหน้า ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งแก้ไขได้รวดเร็วทันใจ หลังเข้ามายึดอำนาจ นอกจากจ่ายหนี้ค้างกว่าแสนล้านบาทให้กับชาวนาไทยทั่วประเทศแล้ว
การดูแลปัญหาปากท้องประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง รวมถึงการประกาศให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้มแอลพีจีไว้ที่กิโลกรัมละ 22.63 บาท และตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาท ก็ได้รับเสียงเชียร์ไม่น้อยเช่นเดียวกันที่ คสช.เข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน
จากประวัติศาสตร์การเมืองไทย กับการจดบันทึกบ้านเรามีรัฐประหารมาแล้วถึง 13 ครั้ง แต่สำหรับความใส่ใจเศรษฐกิจเรื่องปากท้องของชาวบ้านตาดำๆ นั้น จะพบว่า ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในยุค “บิ๊กตู่” เท่านั้น
ว่ากันตามจริง รัฐประหารในปี 2490 ที่มีพล.ท.ผิน ชุณหะวัณ เป็นแกนนำของการรัฐประหาร ก็เคยมีการสั่งลดราคาโอเลี้ยง น้ำแข็ง ฯลฯ โดยได้แต้มอย่างรวดเร็ว (อ้างจาก บทความอนุสนธิจาก คสช.โดยส. ศิวรักษ์ )
ขณะที่ปี 2501 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ ก็มีคำสั่งกองบัญชาการคณะปฏิวัติ ที่ 19/2501 ให้กองทัพเรือจับปลาทู และปลาอื่นๆ แล้วนำมาขายให้ประชาชนด้วยราคาถูกที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยให้ถือว่าเป็นภารกิจพิเศษที่ต้องปฏิบัติ จนกว่าได้รับคำสั่งเป็นอย่างอื่น ที่สำคัญยังให้รายงานผลการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มาให้ทราบทุกสัปดาห์อีกด้วย (อ้างจาก เฟชบุค ม.จ. จุลเจิม ยุคล)
แม้แต่ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 29 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2514 ช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้มากขึ้นและขายได้ในราคาที่เหมาะสม
โดยคณะปฏิวัติได้ให้กระทรวงการคลังกู้เงินไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำหรับการซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อขายให้รัฐบาลต่างประเทศ โดยวิธีออกพันธบัตรหรือตราสารอย่างอื่น
หรืออย่างในปี 2519 ยุคพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ออกคำสั่ง ฉบับที่ 31 ให้องค์การคลังสินค้าจำหน่ายข้าวสารสิบห้าเปอร์เซนต์แก่ประชาชนในราคาถังละ 50 บาทและข้าวสารห้าเปอร์เซ็นต์ในราคาถังละ 62 บาท เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับข้าวสารอย่างเพียงพอ
ขณะเดียวกันการปฏิบัติตามคำสั่งก็เข้มงวดด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าใดจำหน่ายข้าวสารในราคาที่เกินกว่ากำหนด เจ้าของร้านหรือผู้จัดการร้านย่อยที่ฝ่าฝืนจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งหมด คือ การปฏิวัติ รัฐประหาร ที่กระทำโดยเหล่าทหาร กับปฏิบัติการชิงกระแส และซื้อใจรากหญ้า ด้วยการให้ความสำคัญเรื่องปัญหาปากท้องมาก่อนเรื่องอื่น