"แม่จ๋า...หนูเจ็บ" เสียงร้องของเด็ก 2 ขวบเหยื่อบึ้มปัตตานี
"ทุกครั้งที่น้องบาสร้องว่าแม่...หนูเจ็บ หัวใจคนเป็นแม่ยิ่งเจ็บกว่าหลายร้อยเท่า ยิ่งเมื่อเห็นร่องรอยสะเก็ดระเบิดตามร่างกายที่ลูกโดนในคืนนั้น เรายิ่งเสียใจ"
เป็นน้ำเสียงและแววตาที่เต็มล้นไปด้วยความรู้สึกเศร้าและสงสารของ จรพร ทองเชื้อ มารดาของ ด.ช.ธนกิต แดงมณี หรือ "น้องบาส" วัยเพียง 2 ปี หนึ่งในเหยื่อระเบิดจากเหตุการณ์ป่วนปัตตานีกว่า 20 จุด ในเขตชุมชนเมืองเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ในคืนนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย 1 ใน 3 เป็นเด็กชายวัย 5 ขวบ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งสิ้น 61 คน แม้ ด.ช.ธนกิต จะโชคดีที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มหลัง ไม่ใช่กลุ่มแรก แต่อาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างสาหัส เพราะสะเก็ดระเบิดเจาะเข้าที่ศีรษะ ย่อมไม่ทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจขึ้นแต่อย่างใด
หนูน้อยถูกนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลศูนย์ยะลาในค่ำคืนเกิดเหตุทันที เพราะมีเครื่องมือเครื่องไม้พร้อมกว่าโรงพยาบาลอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้
หลังเข้าสู่กระบวนการรักษานานกว่า 1 สัปดาห์ เริ่มมีข่าวดีเกี่ยวกับน้องบาสบ้าง โดยเฉพาะที่แพทย์ยืนยันว่าอาการของเด็กเริ่มดีขึ้น
นพ.เอกทิตย์ กู้ไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทและสมอง แพทย์ที่ให้การรักษาน้องบาส เล่าว่า อาการของน้องบาสดีขึ้นและเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น ร่างกายมีการตอบสนองที่ดี สามารถเคลื่อนไหวและขยับแขนขาได้เอง หายใจได้เอง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว
ส่วนอาการเลือดออกในสมองนั้น ได้ทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ หลังผ่าตัด 4 วันอาการตอบสนองดีขึ้น และนำสายระบบเลือดออกได้แล้ว แผลผ่าตัดแห้งดี ไม่บวมแดง สะเก็ดแผลตามตัวก็แห้งเช่นกัน แต่ก็คงต้องเฝ้าระวังอาการต่อไป แนวโน้มของอาการถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสภาพจิตใจของน้องบาส...
"เด็กมีความหวาดกลัวและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ใครเข้าใกล้ก็จะส่งเสียงร้อง นอกจากพ่อกับแม่ที่เด็กให้ความไว้วางใจ ยอมให้ปลอบและโอบกอดได้ หมอเป็นห่วงเรื่องสุขภาพจิตของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงนี้ ซึ่งหลังจากกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านแล้ว จะต้องมีทีมนักจิตวิทยาเข้าไปช่วยเหลือ เสริมสร้างความเข็มแข็งด้านจิตใจให้กับน้องต่อไป"
ขณะที่ จรพร แม่ของน้องบาส ซึ่งอยู่กับลูกน้อยขณะเกิดเหตุ เล่าว่า ตอนนั้นออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น สาขาหน้าโรงเรียนแหลมทอง ในเขต อ.เมืองปัตตานี โดยไปพร้อมกับลูกชาย 2 คน คือ ด.ช.ศุภกิต คนพี่ และน้องบาส คนน้อง ขณะรอชำระเงิน พนักงานกำลังคิดเงินอยู่พอดี ก็เกิดระเบิดขึ้น ขณะนั้นน้องบาสวิ่งเล่นซนตามประสาเด็กอยู่ในร้านใกล้ประตูทางออก เกือบจะถึงประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงระเบิด
"โชคดีที่ยังจ่ายเงินไม่เสร็จ ถ้าฉันจ่ายเงินเสร็จเร็ว ก้าวพ้นออกไปแค่ก้าวเดียวที่ประตู ก็โดนหมดทั้งแม่และลูก สภาพคงหนักกว่านี้แน่"
อย่างไรก็ดี จรพร บอกว่า เมื่อเสียงระเบิดสงบลง เห็นน้องบาสมีเลือดเต็มตัวและร้องหาแม่ ตอนนั้นใจแทบสลาย...
"เราก็รีบอุ้มออกไปข้างหลังเซเว่นฯ น้องพนักงานช่วยโทรศัพท์เรียกหน่วยกู้ภัยให้ ประมาณ 3 นาทีหน่วยกู้ภัยก็มา ยังดีที่น้องบาสมีสติตลอดเวลา เคลื่อนไหวได้ เลยคิดว่าลูกชายจะไม่เป็นอะไรมากและปลอดภัย แต่ต่อมาแทบช็อคเมื่อหมอแจ้งว่าน้องอาการสาหัส เอ็กซเรย์พบสะเก็ดระเบิดในหัว ต้องผ่าตัด น้องบาสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาทันทีในคืนนั้นเลย"
ส่วนลูกคนโต จรพรบอกว่า ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่มือและขา แพทย์ให้กลับบ้านได้ในคืนเดียวกัน ส่วนตัวเองโดนสะเก็ดระเบิดด้วยเหมือนกัน แต่แพทย์ได้ผ่าเอาสะเก็ดออกให้แล้ว
"เหตุระเบิดกลางเมืองปัตตานีคืนนั้น 20 กว่าจุด บอกตรงๆ ว่าน่ากลัวมาก ตอนนี้ก็ยังกลัวๆ อยู่ ใครไม่ประสบด้วยตัวเองไม่มีวันรู้ ยิ่งทุกครั้งที่น้องบาสบ่นร้องว่าแม่...เจ็บ แล้วชี้ว่าเจ็บตรงนั้น เจ็บตรงนี้ เราคนเป็นแม่แทบสะอื้นตาม วินาทีที่เห็นสภาพลูกวันแรกทำใจไม่ได้เลย สงสารลูก พยายามตั้งสติ คุยกับคุณหมอว่าขอให้ช่วยอย่างสุดความสามารถ เพราะเขาเป็นเด็ก นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนาให้คุ้มครองลูกให้ปลอดภัย"
เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น จรพร ยอมรับตรงๆ ว่าโกรธมาก โดยเฉพาะการนำระเบิดมาวางในที่ชุมชนซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน
"เราเห็นลูกอยู่ในสภาพแบบนี้ มันก็ต้องโกรธแน่นอน คนที่เอาระเบิดมาวางในย่านชุมชนน่าจะนึกถึงจิตใจคนอื่นบ้าง เพราะคนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าเกิดโดนลูกหลานของเขาถึงขั้นเสียชีวิตและพิการขาขาดบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไร ยังจะมายิ้มหรือหัวเราะกับผลงานที่ได้ก่ออีกหรือเปล่า" เธอย้อนถามไปยังผู้ก่อเหตุ แต่คงไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา
ขณะที่ สุจินต์ แดงมณี พ่อของน้องบาส เล่าเสริมว่า คืนเกิดเหตุไม่ได้ออกไปกับภรรยาและลูก ตอนนั้นรออยู่ที่บ้าน โดยภรรยากับลูกๆ ออกไปซื้อของที่ร้านเซเว่นฯ สักพักได้ยินเสียงระเบิดก็รีบโทรหา เมื่อภรรยาไม่รับสาย จึงตัดสินใจวิ่งออกไปหาแถวเซเว่นฯทันที
"ตอนแรกตำรวจกันไม่ให้เข้าที่เกิดเหตุ ผมก็กลับมารอที่บ้าน ผ่านไปสักพัก แฟนโทรกลับมา บอกว่าอยู่โรงพยาบาล โดนระเบิด ผมเห็นสมาชิกในครอบครัวโดนกันทุกคน พูดไม่ออก สงสารลูกมาก บ่นว่าเจ็บและร้องไห้ตลอดทั้งคืน ตอนนี้อาการโดยรวมดีขึ้น ผมก็ดีใจ แต่น้องบาก็ยังส่งเสียงร้องเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ เว้นแต่แม่กับผมเท่านั้นที่น้องบาสยอมให้อยู่ใกล้ด้วย ซึ่งผมเข้าใจนะว่าแกรู้สึกอย่างไร เด็กตัวเล็กขนาดนี้ โดนเหตุการณ์หนักขนาดนี้" สุจินต์กล่าวพร้อมกับทอดถอนใจ
เขาบอกอีกว่า "ทุกวันนี้เหตุการณ์ความไม่สงบบ้านเรามันพูดยาก จะไปห้ามคนที่ก่อเหตุก็ไม่ได้ เพราะคนที่คิดทำเขาก็ทำ โดยไม่ได้คิดว่าจะมีชาวบ้านไทยพุทธหรือมุสลิม ผู้ใหญ่หรือเด็กหรือแม้แต่ผู้หญิงที่ต้องโดน เขาขอเพียงงานของตัวเองบรรลุเป้าหมาย มีคนเจ็บคนตาย ชีวิตของคนคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียคนรักไปจะเป็นอย่างไรเขาไม่สนใจ"
สุจินต์ เสนอว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวในพื้นที่อย่างจริงจัง ติดตามไปเรื่อยๆ ไม่ใช่พอเหตุการณ์เบาบางลงก็ปล่อยวาง ไม่ควรเฝ้าระวังเป็นช่วงๆ เพราะจะกลายเป็นช่องว่างให้ฝ่ายผู้ก่อเหตุสามารถปฏิบัติการได้ และประชาชนอย่างเราๆ จะอยู่ยากขึ้น
"บ้านเราทุกวันนี้อยู่ยากขึ้นทุกที หาพื้นที่ปลอดภัยแทบไม่มีเลย ไม่ยิงก็ระเบิด เกิดขึ้นทุกที่แล้วตอนนี้" เขากล่าวทิ้งท้าย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 น้องบาสกับพ่อ
2 จรพร แม่ของหนูน้อย ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
หมายเหตุ : ภาพแรกใช้เทคนิคพรางภาพเพื่อเคารพสิทธิเด็กผู้บาดเจ็บ