นักวิชาการ ชี้ปฏิรูปควรเริ่มจากกระจายอำนาจ ให้เป็นของคนทุกกลุ่ม
นักวิชาการชี้ภาครัฐทำประชาชนอ่อนแอ สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม เหตุอำนาจกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนกลาง แนะเร่งกระจายอำนาจกลับคืนสู่ท้องถิ่น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า วันที่ 3 มิถุนายน 2557 มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเวทีปฏิรูปประเทศไทย “ปฏิรูปโครงสร้าง คืนอำนาจสู่ประชาชน” ณ ห้องประชุม 801 อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ (อาคาร 1) มหาวิทยาลัยรังสิต
นายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตคณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) กล่าวถึงการปฎิรูปโครงสร้างอำนาจว่า ที่ผ่านมาภาครัฐเป็นผู้ชี้นำช่วยเหลือภาคประชาชนมาโดยตลอด ทำให้ภาคประชาชนมีความอ่อนแอ จึงเกิดจากความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม และความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่กระจุกตัวเฉพาะคนกลุ่มน้อย การที่จะกระจายอำนาจจึงจำเป็นต้องลดอำนาจรัฐลง และเพิ่มอำนาจประชาชน เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ ลดภาระปัญหา ทำให้ประชาชนเป็นพลเมืองเข้มแข็งขึ้น และนำไปสู่รูปแบบวิธีการที่แก้ไขได้อย่างแท้จริง
ขณะที่หน้าที่ของรัฐบาลนั้น นายพงศ์โพยม กล่าวว่า รัฐบาลควรทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อรักษาความมั่นคงประเทศชาติ โดยยกเลิกการบริหารส่วนภูมิภาค ให้ส่วนกลางมีหน่วยงานในพื้นที่เท่าที่จำเป็น ในขณะที่ส่วนท้องถิ่นสามารถจัดการเรื่องของเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้เอง โดยไม่ต้องผ่านส่วนกลาง
ด้าน รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวถึงการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจว่า ประเทศไทยมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ซึ่งวัดได้จากมิติทางความเหลื่อล้ำของรายได้ สิทธิของประชาชน อำนาจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากจะเริ่มปฏิรูปควรเริ่มจากอำนาจ เพราะอำนาจเป็นที่มาของความเป็นธรรมและเหลื่อมล้ำ โดยต้องสร้างให้อำนาจเป็นของคนทุกกลุ่มไม่กระจุกตัวอยู่แต่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และปฏิรูปอำนาจให้เกื้อกูลต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยกีดกันไม่ให้อำนาจทุนอยู่เหนืออำนาจรัฐ รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน โดยการสร้างอำนาจซื้อ อำนาจต่อรอง และอำนาจในการร่วมกำหนดนโยบายและการบริหารการเมืองการปกครอง
ขณะที่นายบุญส่ง ชเลธร อาจารย์ประจำวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ ปัญหาอันใหญ่ คือการกระจุกตัวอยู่ที่ศูนย์กลาง ซึ่งแบกรับภาระทั้งหมดไว้ ทำให้เกิดปัญหาการแก่งแย่งอำนาจในหมู่คนชนชั้นสูง และก่อให้เกิดการปฏิวัติ รัฐประหาร ประชาชนกลายเป็นเบี้ยล่าง มีการกดขี่ภาคประชาชนที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น มีการกลั่นแกล้งประชาชน
“จะเห็นได้ว่า การเรียกร้องการแก้ไขโครงสร้างอำนาจหลายๆครั้งที่ผ่านมา ที่จริงเป็นเพียงการพูดแค่การกระจายอำนาจ จากส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่น พอเรียกร้องให้มีการถ่ายอำนาจเราก็จะเกิดการที่รัฐคือ 1.ใช้กลไกที่ตัวเองมีอำนาจอยู่ตามกฎหมายตั้งข้อหา กระทำจับกุมคุมขัง 2.ใช้กองกำลังที่ไม่ปรากฏตัวหรืออันธพาล เข้าเข่นฆ่า ทำร้าย ทุบตีประชาชน ซึ่งจริงแล้วประชาชนรู้ว่า รัฐอยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว 3. ทำให้ประชาชนพึ่งตัวเองไม่ได้ อ่อนแอประชาชนต้องค่อยพึ่งแต่รัฐแต่ฝ่ายเดียว” นายบุญส่ง กล่าว