ดร.สุเมธ เสนอออกกฎเข้ม ลงโทษคนตัดต้นไม้ทำลายป่า
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาชี้เหตุสังคมทะเลาะเบาะแว้งเพราะใช้อารมณ์เหนือเหตุผล แนะประชาชนใช้ชีวิตอย่างธรรมดาและอยู่กับธรรมชาติให้ได้
วันที่ 29 พฤษภาคม บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดงานสัมมนาวิชาการ Eco Forest ป่าอุดม สังคมยั่งยืน ณ ห้องบางกอก คอนเวนชั่นเช็นเตอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว โดยดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ความสำคัญของ Eco Forest ต้นทุนทางธรรมชาติ"
ดร.สุเมธ กล่าวตอนหนึ่งถึงคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในสังคมมักใช้อารมณ์เป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต ไม่เคยใช้เหตุผลหรือปัญญามานำทาง การทะเลาะเบาะแว้งในสังคมจึงเกิดขึ้นไปทั่วโลก ดังนั้นการครองชีวิตต้องเป็นไปอย่างมีสติ
จากนั้น เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปรียบเทียบชีวิตของมนุษย์ก็คือป่า และป่าก็คือชีวิต สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมบริโภคนิยม มองทุกอย่างจากตัวเงินไม่ได้มองต้นไม้หรือธรรมชาติเป็นสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อชีวิต พร้อมกับไม่เคยสนใจว่า มีการทำลายป่าเกิดขึ้นมากเพียงใด ป่าถูกเผาไปกี่ไร่ ประชาชนไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้สึกเดือดร้อน ป่าถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีจิตสำนึก
"ยิ่งตอนนี้บ้านเมืองเราประกาศกฎอัยการศึก อยากจะให้กฎอัยการศึกลงโทษว่า ใครตัดต้นไม้จะต้องโดนยิง"เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าว และว่า การทำลายป่า ก็เท่ากับทำลายชีวิตเรา ไม่ใช่แค่ชีวิตเราเท่านั้นแต่ยังหมายถึง เพื่อน พี่น้อง ลูกหลานของเราด้วย เวลาไปทำอะไรที่ไหนมักมีนักข่าวถามอยู่เสมอว่า หากเกิดได้เป็นนายกฯ จะทำอย่างไร ก็ไม่ได้คิดจะเป็น แค่อยากจะบอกว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนไหนก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ หน้าที่แค่รักษาดิน น้ำ ลม ไฟ ให้ได้ มีแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์เดียวที่สนใจสิ่งเหล่านี้
สำหรับประโยคที่เราคุ้นหูกันอยู่คือ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า ท่านครองแผ่นดินอะไรที่เป็นส่วนประกอบของแผ่นดิน ก็ไม่หนีเรื่องพวกนี้ ดิน น้ำ ลม ไฟ เพราะถ้าไม่มีส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้ไม่มีใครเรียกแผ่นดินไทย ที่สำคัญท่านไม่เคยใช้อำนาจ แต่ใช้คำว่า ครองแผ่นดิน และครองอยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเมตตาและความรับผิดชอบ