เก่าไปใหม่มา..."ทวี"อำลาชายแดนใต้ "ภาณุ" ชู "3 ข." ดับไฟความไม่สงบ
คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 11/2557 ลงวันที่ 24 พ.ค.57 ที่ให้ย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วให้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ ศอ.บต.อีกหน้าที่หนึ่งนั้น ได้ทำให้ชีวิตราชการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ พ.ต.อ.ทวี หยุดลงที่ 2 ปี 7 เดือน
ไม่ว่าคนนอกพื้นที่ คนในส่วนกลาง เจ้าหน้าที่หน่วยงานงาน หรือนักการเมืองที่ไม่ได้สังกัดพรรคเพื่อไทยจะมองเขาอย่างไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยรักและชื่นชอบ พ.ต.อ.ทวี ชนิดนี้ผู้นำทางทหารระดับสูงเคยโทรศัพท์ไปบ่นกับเขาโดยตรงเมื่อครั้งยังนั่งอยู่ในตำแหน่งว่า "ช่วยทำให้ชาวบ้านรักทหารเหมือนที่ชาวบ้านรักเลขาฯศอ.บต.บ้างสิ"
ตั้งแต่ข่าวถูกย้ายแพร่กระจายออกไป ต้องบอกว่าหัวกระได ศอ.บต.และบ้านพักซึ่งอยู่ด้านหลังที่ทำการ ศอ.บต.ไม่แห้งเลย เพราะมีประชาชน ผู้นำศาสนา และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่เดินทางไปให้กำลังใจ กระทั่งเมื่อวันอังคารที่ 27 พ.ค. ได้มีพิธีอำลาตำแหน่งของ พ.ต.อ.ทวี ซึ่งก็ยังมีพี่น้องประชาชน ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ นักเรียน นักศึกษาไปรวมงานเป็นจำนวนมาก โดยทุกคนรู้สึกเสียใจที่ พ.ต.อ.ทวี ต้องพ้นจากตำแหน่งไปจริงๆ เพราะแม้ที่ผ่านมาจะมีข่าวลือหลายครั้ง แต่ข่าวลือก็ไม่เคยเป็นข่าวจริงเหมือนครั้งนี้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับกลุ่มบุคคลที่มาให้กำลังใจและร่วมพิธีอำลาต่างกรรมต่างวาระ สรุปได้ดังนี้ "มีความสุขที่สุดและรู้สึกยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้มารู้จักและสัมพันธ์กับพี่น้องที่นี่ ไม่มีความรู้สึกใดมาเปรียบได้ เหมือนเป็นญาติกัน ซึ่งหาไม่ได้จากคนในพื้นที่อื่น ผมได้รับสิ่งดีๆ มากมาย พี่น้องที่นี่เป็นคนมีจิตใจดีและเป็นคนดี เคร่งครัดด้วยวิถีชีวิตและศาสนา หากเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ได้มีการศึกษา เข้าถึงความยุติธรรม ให้ดูแลกันเอง เป็นสิ่งที่จะพัฒนาและแก้ปัญหาได้ถูกต้อง"
"ผมเป็นห่วงเรื่องการศึกษาของพี่น้อง ต้องให้กระทรวงศึกษาธิการทำเหมือนกับทำถนน คือเข้าถึงทุกพื้นที่ เด็กปอเนาะเรียนจบไปเรียนต่อเมืองนอกได้ แต่เข้ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยไม่ได้ เป็นช่องว่างที่ยังคงมีอยู่ ต้องคิดถึงความรู้สึกทางใจด้วย ลูกหลานชายแดนใต้ที่ไปเรียนต่างประเทศยังมีความเป็นอยู่ที่ลำบากมาก เช่นที่ซูดาน ซึ่งทางการไทยก็ไม่ได้ดูแล อยากให้ผู้ใหญ่ได้ใส่ใจช่วยกันในเรื่องนี้อย่างจริงจังและถึงที่สุด"
"มีความคาดหวังต่อคนที่มาอยู่ตรงนี้ค่อนข้างสูง ต้องใจกล้าและกล้าตัดสินใจ รับแรงกดดันทุกด้าน ใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลที่ไม่ได้เห็นผลในวันเดียว"
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า หลายเรื่องที่คนนอกพื้นที่กับคนในพื้นที่มองต่างกัน ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องการเยียวยาที่หลายกรณีได้รับเงินเยียวยาหลายล้านบาท คนนอกอาจมองว่ามีเงินใช้สบาย แต่ความจริงครอบครัวของคนเหล่านั้นบอกว่าต้องใช้ให้เป็น เพราะเป็นเงินจากเลือดคนที่รัก เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มกับชีวิต แต่รัฐต้องการให้กำลังใจ เห็นใบหน้าที่ยิ้มได้บ้างเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
"พี่น้องที่นี่โดนทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก ผ่านเรื่องร้ายที่สุดมาแล้ว หนักกว่าผมมาก เชื่อว่าพระเจ้าจะให้สิ่งที่ดีกับทุกคน และให้มองว่าสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นโอกาสของประเทศไทยด้วย หลังจากนี้ผมไปอยู่ที่ไหนติดต่อได้ตลอด หากช่วยเองไม่ได้ก็จะให้คนอื่นช่วย"
คำกล่าวของ พ.ต.อ.ทวี ทำให้หลายคนถึงกับร่ำไห้...
ด้าน นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.คนใหม่ กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า การเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต.ในครั้งนี้ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะเป็นการเข้ามาทำงานครั้งที่ 2 ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ที่สำคัญได้เข้ามาสานต่องานเดิมที่เคยทำเอาไว้ตามแนวทางเดิม ในเรื่อง "3 ข." ได้แก่
1.คนต้องแข็งแรง คือ ต้องทำให้ประชาชน 2 ล้านกว่าคนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี การศึกษาดี ความเป็นอยู่ดี
2.ชุมชนเข้มแข็ง คือ ต้องทำให้หมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ในพื้นที่มีความเข็มแข็ง ดูแลตัวเองได้ มีการจัดการที่ดี มีกรรมการหมู่บ้านดูแล สร้างความปลอดภัยให้ชุมชนของตัวเองได้
3.ชาวโลกเข้าใจ คือ ต้องทำให้สังคมข้างนอกเข้าใจคนในพื้นที่ สังคมโลกเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่
"เมื่อผมเข้าทำงาน จะมีฝ่ายวิชาการประเมินผลเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย และตอบโจทย์ในแนวทาง 3 ข.ให้ได้ ที่สำคัญการแก้ไขปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดต้องเดินไปด้วยกันทั้ง 2 ขา ทั้งขาความมั่นคงและขาพัฒนา ตรงนี้เรามีกำนันผู้ใหญ่บ้านที่เป็นบุคลากรที่สำคัญในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว ก็ต้องให้เขาได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ.2457"
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : (ซ้าย) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (ขวา) นายภาณุ อุทัยรัตน์
ขอบคุณ : ภาพจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ