'ก.เกษตรฯ' เผยคนไทยดื่มนมเพียง 14 ลิตร/คน/ปี
กระทรวงเกษตรฯ จับมือ FAO เตรียมจัดวันดื่มนมโลก เผยไทยเป็นฐานผลิตนมใหญ่ที่สุดในอาเซียน เเต่คนไทยได้ดื่มเพียง 14 ลิตร/คน/ปี คาซัคสถานครองเเชมป์ดื่มมากสุด
วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 กระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ร่วมกับองค์การอาหารเเละการเกษตรเเห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations หรือ FAO) จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “วันดื่มนมโลก “ หรือ World Milk Day 2014 ภายใต้แนวคิด Milk : Nutritious Food for AEC ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี
นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า นมเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและครบทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ มีความสำคัญต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ตลอดจนพัฒนาการด้านต่าง ๆ นั้น FAO จึงได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปีเป็น "วันดื่มนมโลก” เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้ด้านคุณประโยชน์และกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการบริโภคนม
โดยปัจจุบันมีจำนวนกว่า 40 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการจัดกิจกรรม "วันดื่มนมโลก” อาทิ จีน อินเดีย เวียดนาม อังกฤษ ออสเตรเลีย สวีเดน เดนมาร์ก สำหรับประเทศไทย เริ่มมีการจัดกิจกรรมณรงค์ เนื่องในวันดื่มนมโลก โดยภาครัฐมาตั้งแต่ปี 2552 และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนปีนี้ครบรอบเป็นปีที่ 5 แล้ว
สำหรับการส่งเสริมให้คนไทยดื่มนม นายนพดล ระบุว่า นอกจากเป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนมได้อีกทางหนึ่ง รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญในการรณรงค์การดื่มนม โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มงบประมาณจัดซื้อนมโรงเรียนให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศได้ดื่มนมเพิ่มขึ้น จากเดิมตั้งแต่ชั้นก่อนวัยเรียน ถึง ป.4 เพิ่มขึ้นเป็นจนถึงชั้น ป.6 ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นมา รวมทั้งเพื่อเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นพระราชบิดาแห่งกิจการโคนมไทย ในการพัฒนาอุตสาหกรรมนมและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมในประเทศให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
“ปัจจุบันประเทศไทยคือฐานการผลิตน้ำนมดิบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปริมาณกว่าล้านตันต่อปี แต่ในขณะที่คนไทยกลับดื่มนมเพียง 14 ลิตรต่อคนต่อปีเท่านั้น" นายนพดล กล่าว เเละว่าในขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดื่มนมเฉลี่ยแล้ว 60 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนประเทศที่ครองแชมป์ดื่มนมมากที่สุดในโลกคือคาซัคสถานเฉลี่ยแล้วมากถึง 330 ลิตรต่อคนต่อปี รองลงมาคือสหภาพยุโรป 300 ลิตรต่อคนต่อปีและสหรัฐอเมริกา 255 ลิตรต่อคนต่อปี
ทั้งนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะนิยมดื่มนมเสียทีเดียว ตัวอย่างเช่นญี่ปุ่นดื่มนมเพียง 76 ลิตรต่อคนต่อปีและเกาหลีใต้ 57 ลิตรต่อคนต่อปี ทั้งนี้ อัตราการดื่มนมไม่ได้กำหนดด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ แต่ผูกติดกับวัฒนธรรมการกินแต่ละประเทศแล้ว คนทั้งโลกดื่มนมเฉลี่ยแล้วมีปริมาณเท่าไหร่คำตอบก็คือ 103 ลิตรต่อคนต่อปี
ด้านนายสัตวแพทย์ทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักหน่วยหนึ่ง ในการที่มีการพัฒนาการเลี้ยงโคนมมาอย่างต่อเนื่อง และกำกับดูแลมาตรฐานฟาร์มและมาตรฐานศูนย์รวมนมจนได้รับการยอมรับจากประชาชนผู้บริโภคทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
ปัจจุบันประเทศไทยผลิตน้ำนมได้ปีละกว่าล้านตันโดยใช้บริโภคภายในประเทศและส่งออก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นมที่ส่งออกของประเทศไทยได้รับการยอมรับจากประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนว่าเป็นสินค้าอยู่ในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งความเชื่อมั่นและการยอมรับดังกล่าวเกิดจากความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ภาคอุตสาหกรรมนม และภาครัฐที่ร่วมแรงร่วมใจในการยกระดับการผลิตโคนมและน้ำนมตั้งแต่ระดับฟาร์ม เพื่อให้ได้น้ำนมดิบที่มีคุณภาพปราศจากการปนเปื้อนต่างๆ ตามเกณฑ์มาตรฐานการจัดการฟาร์มที่มีและมาตรฐานน้ำนมดิบ
รวมทั้ง ยกระดับมาตรฐานการรวบรวมน้ำนมดิบและการขนส่งน้ำนมดิบไปสู่โรงงานแปรรูปนม เพื่อให้น้ำนมมีคุณภาพดีตั้งแต่ต้นทางจนถึงโรงงานแปรรูปนมน้ำนมโคมีสารอาหารครบถ้วนและใกล้เคียงกับน้ำนมแม่โดยเป็นแหล่งอาหารโปรตีน พลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุ ที่สำคัญในการเสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกายการเลือกดื่มนมเพื่อเสริมสารอาหารให้แก่ร่างกายจะเกิดประโยชน์กว่าการกินวิตามินหรือแร่ธาตุ เพราะไม่มีผลข้างเคียงหรือการทิ้งสารตกค้างที่เป็นโทษภายในร่างกาย ดังนั้น สารอาหารในนมจึงมีความเหมาะสมกับผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย