นปช.ยึดถ.อักษะสู้ต่อเดินหน้าเลือกตั้ง
นปช.ยันยึด ถ.อักษะเป็นที่มั่นชุมนุมต่อ " ตู่ ” ลั่นพร้อมสู้หากฉีกรธน.-มีนายกฯ คนกลาง บี้ “ประยุทธ ”แก้ปัญหาประเทศเดินหน้าเลือกตั้ง “เต้น” เรียกระดมมวลชน ถ.อักษะหลังทีวีแดงถูกตัดสัญญาณ พร้อมยกระดับหากทหารเล่นนอกรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่เวทีการชุมนุมนปช. ถ.อักษะ แกนนำนปช.ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. แถลงว่า นปช.แดงทั้งแผ่นดินได้มีการปรึกษาหารือและติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ที่มีการขับเคลื่อนกำลังจากกองพล 9 ให้มาประจำพื้นที่ชุมนุม นปช. ถ.อักษะท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกได้มีการเน้นย้ำกับโทรทัศน์ผ่านทางโทรทัศน์ที่เป็นแม่ข่ายคือสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ว่า ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหารเป็นเพียงแค่การประกาศใช้กฎอัยการศึกเท่านั้น ดังนั้นบัดนี้รัฐธรรมนูญและรัฐบาลก็ยังอยู่ครบถ้วน ในส่วนของ ศอ.รส.ก็ถูกยกเลิกไปตามประกาศใช้กฎอัยการศึกพวกเราเองยังคงยืนหยัดในแนวทางจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือจุดยืนประชาธิปไตย เมื่อยังไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญประเทศนี้ยังต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้งกันต่อไป นายกรัฐมนตรีไม่มีช่องทางอื่นนอกจากมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการเลือกตั้งในสภาฯ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯต้องเป็นประธานสภาฯ เท่านั้น ดังนั้นนายกฯ มาตรา 7 หรือนายกฯคนกลาง ไม่มีช่องทางใดที่จะเกิดขึ้นได้
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้ประกาศกฎอัยการศึกซึ่งเป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2457 และครบ100 ปีพอดี อำนาจการประกาศระดับ ผบ.พัน ก็ประกาศได้ แต่เวลาเลิกต้องเป็นพระบรมราชโองการซึ่งพวกเราจะติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดทั้งนี้มีการประกาศให้ตัดสัญญาณสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ และประกาศให้สามารถชุมนุมได้ต่อไปทั้งที่ ถ.แจ้งวัฒนะ ราชดำเนิน และอักษะ แต่ห้ามเคลื่อนไหวออกนอกพื้นที่การชุมนุม ซึ่ง นปช.อยู่ในฐานที่มั่นมาตั้งแต่ต้นดังนั้นสถานการณ์ในขณะนี้ยังอยู่ในระดับการประกาศใช้กฎอัยการศึกยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งมี 2 ลักษณะคือ 1.การก้าวเข้าสู่การรัฐประหารเต็มรูปแบบมีการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการประกาศของคณะรัฐประหาร 2.การตั้งนายกฯโดยไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมายและวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งทั้ง 2 ช่องทางนั้นนปช.ยังยืนในจุดยืนเดิมคือจะยกระดับในการต่อสู้เพื่อต่อต้านสิ่งที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด
“ ผมเรียนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์เพียงแค่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบนั้นไม่ยาก ก็ให้ยึดหลักการของระบอบประชาธิปไตย ทำการตกลงให้สัตยาบรรณกันว่าพรรคการเมืองต่างๆและกลุ่มมวลชนต่างๆ จะเดินหน้าสู่กระบวนการเลือกตั้งถ้ายังไม่พร้อมก็ให้ทำประชามติให้ประชาชนตัดสินใจว่าคนไทยจะเลือกหรือไม่เลือกการเลือกตั้งทั้งนี้ตนเรียนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ว่าประเทศนี้ยังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยประชาชนต้องมีสิทธิ เสรีภาพ ในการพูด คิด การปิดการรับรู้นั้นไม่ได้เป็นผลดีเพราะยิ่งปิดการรับรู้การปล่อยข่าวลือและการสร้างสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจยิ่งน่าห่วงใย ภารกิจของพล.อ.ประยุทธ์ถ้าเป็นไปตามที่แถลงก็สามารถดำเนินการได้ทันทีคือการให้ประเทศไทยเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยแต่ถ้านอกเหนือจากสิ่งนี้ผมเตือนไว้ว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์มาแก้ไขปัญหาวิกฤตนั้นจะกลายเป็นการสร้างวิกฤตใหม่และใหญ่กว่าให้เกิดขึ้นในประเทศคนเสื้อแดงจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและยืนยันว่าถ้ามีการล้มล้างประชาธิปไตยเมื่อไรหรือพล.อ.ประยุทธ์กระทำเกินกว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั่นคือการก้าวข้ามไปถึงการรัฐประหารหรือล้มล้างรัฐธรรมนูญ หรือไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญคนเสื้อแดงก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเป็นองค์กรประชาธิปไตยที่มีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งประชาธิปไตยและเราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าสถานการณ์คลี่คลายด้วยระบอบประชาธิปไตยเราก็พร้อมจะยุติภายใต้สถานการณ์ที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น ” นายจตุพรกล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาฯ นปช. กล่าวว่า ยืนยันสถานการณ์การชุมนุมของนปช.ที่ ถ.อักษะ ยังสงบเรียบร้อย พวกตนได้กำชับให้หน่วยการ์ดทุกจุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังยึดความปลอดภัยของผู้ชุมนุมเป็นภารกิจสูงสุดที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้การประกาศกฎอัยการศึกสื่อมวลชนแต่ละสำนักทั้งในและต่างประเทศได้ติดต่อมาที่พวกตนให้ประเมินสถานการณ์นี้ว่าเป็นการรัฐประหารใช่หรือไม่นั่นเป็นคำถามที่พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตอบคำถามเอง สำหรับ นปช.เราถือเอาสถานการณ์ที่ชัดเจนตรงหน้าเป็นตัวกำหนดการต่อสู้ขณะนี้ถือว่ารัฐธรรมนูญและรัฐบาลยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก เมื่อไม่ขัดกับจุดยืนหลักที่เราประกาศมาโดยตลอดก็คือไม่รัฐประหาร ไม่รับนายกฯ นอกกฎหมาย การชุมนุมก็ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่นี้และไม่มีแนวความคิดที่จะยุติการชุมนุมแต่อย่างใด ถ้าหากปรากฏแน่ชัดว่ามีการรัฐประหารมีการสมรู้ร่วมคิดกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพื่อให้มีนายกฯนอกกฎมายเราก็จะต่อสู้ให้ถึงที่สุดทันที พร้อมๆ กันทั่วประเทศ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าทั้งนี้ขอเรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ให้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรวดเร็วโปร่งใสที่สำคัญต้องไม่มีการติดตามคุกคามข่มขู่ แกนนำทั้งในกทม.และต่างจังหวัดเพราะมีกรณีการติดตาม จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ที่ต่างจังหวัด กฎอัยการศึกให้อำนาจทำได้ แต่ถ้ามีเจตนาคลี่คลายสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ทั้งนี้เราจะติดตามการปฏิบัติระหว่าง นปช.และกปปส. ถ้าหากมีคำสั่งหรือข้อกำหนดใดที่จะต้องปฏิบัติก็ต้องเท่าเทียมกันทุกกรณีที่บ้านเมืองมีปัญหาทุกวันนี้เพราะมีความยุติธรรม 2 มาตรฐานกฎอัยการศึกจึงตอกย้ำ 2 มาตรฐานไม่ได้ไม่ว่ากรณีใด และขอให้สั่งการให้นายทหารที่รับผิดชอบพื้นที่ถ.อักษะได้แสดงตนและประสานงานทำความเข้าใจกับแกนนำนปช. ถ้าไม่เข้าใจระหว่างกันอาจเกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิดได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วประเทศพื้นที่ถ.อักษะยังเป็นพื้นที่ชุมนุมทางการเมืองโดยสงบสันติ ปราศจากอาวุธของ นปช.ภายใต้รัฐธรรมนูญพื้นที่นี้พร้อมต้อนรับทุกท่านที่ต้องการติดตามสถานการณ์และแสดงออกทางการเมืองได้และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้มารวมตัวกัน ดีกว่าการไปรวมตัวตามจุดต่างๆ ในสถานการณ์ที่ยังอ่อนไหวอยู่ถ้าหากเราตัดสินใจจะยกระดับการต่อสู้ ก็จะยกระดับด้วยกันจากเวทีนี้แล้วก็ปฏิบัติด้วยกันตามมติของแกนนำที่ได้มีการหารือกันไว้
“ เราไม่เคยมานั่งประเมินว่าการประกาศกฎอัยการศึกเป็นบวกกับนปช.หรือกปปส.มากกว่า เพราะการต่อสู้ของนปช. ไม่เคยหวังพึ่งบริการจากกองทัพเมื่อกองทัพประกาศออกมาก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ได้กระทำไป และต้องพาบ้านเมืองออกจากวิกฤตแท้จริงให้ได้คือเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว เป็นความรับผิดชอบของกองทัพภายใต้กฎอัยการศึกซึ่งเราจะติดตามสถานการณ์ต่อไป ถ้ามีการรัฐประหาร มีการตั้งนายกฯนอกกฎหมาย ต่อให้นายกฯ คนนั้นอาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นขั้วของรัฐบาลเราก็ไม่อาจจะยอมรับได้ เราไม่คิดหาประโยชน์หรือกำไรจากกฎอัยการศึกนี้ ” นายณัฐวุฒิ กล่าว.
ขอบคุณข่าวจาก