เปิดเทอมใหม่แต่ใจไม่ดี...เรื่องราวของสองโรงเรียนสุไหงปาดีที่ถูกวางเพลิงเผา
เหตุการณ์ความไม่สงบกว่า 30 จุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.2557 ไม่ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงมีทรัพย์สินเสียหายมูลค่าหลายสิบล้านบาทเท่านั้น
ทว่ายังทำให้เด็กๆ หลายร้อยคนของโรงเรียนบ้านโคกตา และ โรงเรียนอิสลามบำรุง ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ไม่มีที่เรียนไปด้วย
อ.สุไหงปาดี ไม่ได้มีชื่อติดกลุ่มเกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้งจนชื่อติดหูเหมือน อ.ระแงะ หรือ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุรุนแรงที่นี่ มักเป็นเหตุรุนแรงขนาดใหญ่และก่อความเสียหายค่อนข้างเยอะ
ตั้งแต่วันพุธที่ 14 พ.ค.เป็นต้นมา โรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มเปิดการเรียนการสอน แต่โรงเรียน 2 แห่งใน อ.สุไหงปาดี ที่ถูกคนร้ายวางเพลิงเผา ยังไม่สามารถเปิดประตูรับนักเรียนตัวน้อยๆ ได้
วอด 7 ห้องเรียนพร้อมอุปกรณ์
"ตกใจมากตอนที่ทราบว่าโรงเรียนถูกไฟไหม้ พอรีบมาดูก็พบว่าเป็นอาคารเรียนไม้จำนวน 7 ห้อง โดยทางเราใช้เป็นห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 3 ห้อง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 3ห้องและชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อีก 1 ห้อง ทั้งหมดหายไปกับเปลวเพลิง รวมทั้งทีวีขนาด 32 นิ้วเพื่อใช้กับแท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ไม่สามารถเอามาใช้หรือซ่อมใหม่ได้เลย"
เป็นคำบอกเล่าจาก ครูสมยศ ล่องสมุทร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกตา ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี
ครูใหญ่สมยศ บอกต่อว่า ถ้าถามความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอตอบว่าเสียใจอย่างมาก แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว จะไปเรียกร้องให้มันกลับคืนมาเหมือนเดิมคงไม่ได้ คงทำได้แค่แก้ปัญหาเพื่อเดินไปข้างหน้าต่อไป เพื่อให้เด็กสามารถเรียนหนังสือได้ตามปกติ
เลื่อนเปิดเทอม-หาโต๊ะเก้าอี้ 250 ชุด
"หลังเกิดเหตุได้คุยกับคุณครูว่า เราขอเลื่อนการเปิดเรียนจากวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. เป็นวันจันทร์ที่ 19 พ.ค. คาดว่าในวันจันทร์เราจะสามารถจัดสถานที่เรียนใหม่ และหาโต๊ะเก้าอี้กว่า 250 ชุดมาได้ทัน"
ครูใหญ่สมยศ บอกอีกว่า เรื่องสถานที่เรียนจะพยายามไม่ให้เด็กต้องเรียนในเต็นท์ เพราะเด็กจะร้อนและไม่มีสมาธิ คิดว่าจะใช้ห้องสมุด ห้องพักครู และลานอาคารที่พอมีระเบียงอยู่ ส่วนโต๊ะเก้าอี้ที่จำเป็นที่สุด ณ ตอนนี้ ล่าสุดได้มีการประสานไปยังโรงเรียนมัธยมสุไหงปาดีแล้ว เห็นว่าทางโรงเรียนมีโต๊ะเก้าอี้เหลืออยู่ประมาณ 40-50 ชุด แต่ต้องนำมาซ่อมแซมก่อนจึงจะใช้นั่งเรียนได้ ส่วนอีก 200 ชุดยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเอามาจากที่ไหน ตอนนี้ก็พยายามประสานไปยังต้นสังกัด คิดว่าทุกคนจะเข้ามาช่วยทันก่อนวันที่ 19 พ.ค.ที่เด็กจะเปิดเทอม
"ผมเสียความรู้สึก เสียดายทุกอย่าง แต่เราก็ต้องทำใจและแก้ไขทุกอย่างให้เดินต่อไปได้ เพราะมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายไม่ได้หวังสร้างสถานการณ์มาที่โรงเรียนเป็นการเฉพาะ แต่เป็นการสร้างสถานการณ์จำนวนหลายจุด โรงเรียนที่อยู่ในเขตเทศบาลมี 2 โรง คือโรงเรียนบ้านโคกตา อยู่ติดกับรั้วโรงพัก กับโรงเรียนอิสลามบำรุงที่อยู่ตรงข้ามฐานตำรวจ ก็ถูกเผาทั้ง 2 โรง"
"เหตุการณ์คืนนั้นเยอะเกิน จนทำให้เจ้าหน้าที่มั่วหมด จะออกไปช่วยชาวบ้านตัวเองก็ตกเป็นเป้า ก็เลยเสียหายตามที่เป็นข่าวกันหมด ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการทดลองกำลังเจ้าหน้าที่ต่อภารกิจที่มี รวมทั้งเหตุที่เกิดขึ้นที่หาดใหญ่ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดระเบิด 2 จุดในเขตเมืองเมื่อวันอังคารที่ 6 พ.ค.) ก่อนหน้านี้ด้วย"
อยากให้จัดงบพิเศษช่วยโรงเรียนโดนเผา
ครูใหญ่สมยศ บอกด้วยว่า อยากให้หน่วยต้นสังกัดเข้ามาเร่งดำเนินการสร้างอาคารเรียนโดยเร็วที่สุด เทอมนี้อาจสร้างเสร็จไม่ทันก็พอเข้าใจ แต่เทอม 2 น่าจะทัน แต่ไม่ใช่ยืดเยื้อไปถึงปีหน้า
"ถ้ารองบประมาณแต่ละปีมาสร้าง ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ อยากให้ทางกระทรวงศึกษาฯจัดงบประมาณพิเศษให้กับโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เด็กได้มีที่เรียนอย่างเหมาะสม ก็อยากฝากตรงนี้เพราะปัญหาบ้านเรา การศึกษาเท่านั้นที่จะแก้ได้"
ครูเผยนักเรียนกระทบหนักสุด
ครูรายหนึ่งของโรงเรียนบ้านโคกตา ซึ่งขอสงวนชื่อและนามสกุลด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย กล่าวว่า รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดแต่ก็เกิดขึ้นจนได้ และส่งผลกระทบไปถึงเด็ก
"โรงเรียนบ้านโคกตาเป็นโรงเรียนใหญ่ เด็กเยอะ ทำให้มีเด็กจำนวนมากได้รับผลกระทบ เด็กก็ลำบาก ขาดที่เรียน ขาดอุปกรณ์การเรียน แต่เราก็ต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น เด็กนักเรียนจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่ผู้ปกครองต้องเข้าใจและเห็นใจเรา ที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย"
ครูคนเดิม บอกอีกว่า ใจจริงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย ไม่ว่าจะเกิดกับอาคารเรียน กับนักเรียน กับผู้ปกครอง หรือกับครูและบุคลากรทางการศึกษา เพราะชีวิตของทุกคนมีค่าต่อครอบครัวและต่อสังคม โดยเฉพาะเด็ก เพราะเด็กในวันนี้คืออนาคตของชาติในวันหน้า ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน
2 โรงนักเรียนไร้ที่เรียนร่วมพันคน
นายธวัช แซ่ฮ่ำ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 2 กล่าวว่า ภาพรวมความเสียหายของโรงเรียนบ้านโคกตา อาคารเรียนเสียหาย 7 ห้องเรียน ส่วนโรงเรียนอิสลามบำรุง อาคารเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เสียหาย 2 หลัง อาคารโรงอาหาร 1 หลัง ส้วม 3 ที่นั่ง 1 หลัง อาคารอเนกประสงค์ มีเด็กนักเรียนได้รับผลกระทบรวม 900 คน
"หลังเกิดเหตุก็มีครูบางส่วนที่หวาดกลัว หวาดระแวง แต่ส่วนใหญ่ยังมีขวัญกำลังใจดีอยู่ และพร้อมทำงานเพื่อการศึกษาต่อไป"
สพฐ.อนุมัติงบ9ล้านสร้างอาคารใหม่
นายธวัช กล่าวอีกว่า ขณะนี้โรงเรียนในสังกัดเปิดทำการเรียนการสอนทั้งหมดแล้ว ยกเว้นโรงเรียนบ้านโคกตา และโรงเรียนอิสลามบำรุงเท่านั้นที่ต้องเลื่อนไปเปิดเรียนในวันที่ 19 พ.ค. เนื่องจากต้องปรับปรุงพื้นที่ส่วนที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ และเตรียมอุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับนักเรียน โดยจะใช้สถานที่เรียนในโรงเรียนเดิมแทนการออกไปเรียนนอกพื้นที่ เนื่องจากยังพอมีพื้นที่ให้ใช้เปิดสอนนักเรียนได้
พร้อมกันนี้ได้ของบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อก่อสร้างอาคารเรียนทดแทนอาคารที่ถูกเผา ซึ่งที่โรงเรียนบ้านโคกตาจะก่อสร้างเป็นอาคารเรียน 2 ชั้น งบประมาณกว่า 3 ล้านบาท และที่โรงเรียนอิสลามบำรุง จะก่อสร้างเป็นอาคารเรียน 3 ชั้น ใช้งบประมาณรวมกว่า 6 ล้านบาท
"ผมได้เน้นย้ำให้ผู้บริหารสถานศึกษาและเจ้าหน้าที่ช่วยกันเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอาคารไม้ภายในโรงเรียนเป็นพิเศษ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยครูรับเปิดเทอม ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงทุกอำเภอแล้ว ส่วนตัวพอใจกับมาตรการที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ และได้กำชับกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงคณะครูให้ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัดด้วย"
ส่วนการพัฒนาการศึกษาในปีการศึกษา 2557 นายธวัช บอกว่า จะเน้นจัดการเรียนการสอนที่ทำให้นักเรียนสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ครบ 100% หลังจากในปีงบประมาณ 2556 ได้ประเมินผลจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
สำนวนที่ว่า "ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป" ในอารมณ์ปลงๆ กับเรื่องร้ายๆ ช่างใช้ได้กับชีวิตครูและนักเรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จริงๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 2 พร้อมด้วยผู้บริหารโรงเรียน ตรวจความเสียหายของโรงเรียนใน อ.สุไหงปาดี หลังถูกคนร้ายวางเพลิงเผาในเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.2557