เอ็นจีโอวอนยุติรุนเเรง เดินหน้าเเก้กม.เลือกตั้งสู่การปฏิรูปประเทศ
กลุ่มสมัชชาคนจน-สปป.อีสานใต้เเสดงจุดยืนคัดค้านรัฐประหาร ต่อต้านสงครามกลางเมือง วอนทุกฝ่ายยุติความรุนเเรง เเก้ไขกติกาเลือกตั้ง ขับเคลื่อนสู่การปฏิรูปประเทศจากการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน
วันที่ 17 พฤษภาคม 2557 สมัชชาคนจน ร่วมกับสหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย (สปป.) อีสานใต้ ออกเเถลงการณ์ 'ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย เคารพความหลากหลาย ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย' ณ ม.ราชภัฎอุบลราชธานี ใจความว่า...
สภาพความแตกแยกทางความคิดครั้งใหญ่ในสังคมไทยปัจจุบัน กำลังพัฒนาไปสู่ขั้นแตกหัก และกลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งจะนำหายนะมาสู่ประเทศไทยอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้
ความแตกแยกครั้งใหญ่คราวนี้ มีรากฐานมาจากเหตุปัจจัยซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรม และความไม่เสมอ ภาคในการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสในการพัฒนาด้านต่าง ๆ
เหตุปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้น ก่อให้เกิดโลกทัศน์ทางการเมืองที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนในเมืองใหญ่ และคนในชนบท นำมาซึ่งความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากความเห็นที่แตกต่างกันในด้าน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม จนพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งในการให้คุณค่าเรื่อง ศีลธรรม และวิถีการดำรงชีวิต เช่น วาทกรรมเรื่อง ความไม่เท่ากันของ คนเมืองกับคนชนบท การที่คนชนบทถูกหลอกลวงจากนายทุนสามานย์ เพื่อแลกกับผลประโยชน์เฉพาะหน้า การเมืองที่ต้องการคนดีมีศีลธรรมเป็นผู้นำ
ความจริงแล้ว ความแตกต่างทางความคิดเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมที่มีผู้คนจำนวนมาก และมีพื้นฐานของชีวิตที่แตกต่างกันไปตามแต่สภาพของแต่ละกลุ่ม การมีชีวิตอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง จึงเป็นเรื่องที่มีการค้นคว้าและพัฒนาในสังคมมนุษย์มาตามลำดับ จนเป็นที่ยอมรับในหลักการของการใช้เสียงข้างมากในการตัดสินใจ โดยเคารพความเห็นของเสียงข้างน้อย
ประชาธิปไตยที่ใช้เสียงข้างมากอย่างเสมอภาคในการกำหนดกติกาของการอยู่ร่วมกัน ที่ไม่คำนึงถึงความยากดีมีจน ความฉลาดหรือโง่ เป็นคนดีหรือคนเลว จึงเป็นหลักการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้ความแตกต่างหลากหลาย
หากไม่ใช้หลักการนี้ในการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยอ้างเหตุแห่งความชอบธรรมใด ๆ ก็ตาม ก็จะกลายเป็นระบบเผด็จการ ที่คนส่วนน้อยที่คิดว่าตนเองเป็นคนดี คนเก่ง กดขี่คนส่วนใหญ่ในสังคม
สถานการณ์ในปัจจุบัน ชนชั้นนำบางส่วนได้รว่มมือกับนักวิชาการในการบิดเบือนหลักการทางกฎหมายเพื่ออ้างความชอบธรรมในการเข้าควบคุมอำนาจรัฐ โดยไม่เคารพหลักการประชาธิปไตย
การกระทำดังกล่าว จะสร้างความแตกแยกและนำสังคมไทยไปสู่ความขัดแย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในอนาคตสังคมไทย จะไม่หลงเหลือหลักการใด ๆ ที่คนในสังคมจะยอมรับร่วมกันอีกต่อไป จะมีการต่อต้าน การตีความ การแปลความหมายที่แตกต่างกันตามแต่สภาพของชุมชนต่าง ๆ
เป็นการเข้าสู่ภาวะอนาธิปัตย์และความล่มสลายของสังคมไทยโดยสมบูรณ์ วิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ซึ่งรุนแรงและแบ่งขั้วความคิดทางการเมืองมากกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา และเดินทางมาถึงจุดที่จะทำให้สังคมไทยเปลี่ยนขั้นสูงสุดต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ ย่อมส่งผลต่ออนาคตของคนในสังคมไทยทุกภาคส่วน รวมถึงพวกเรา ด้วย ในฐานะหุ้นส่วนของสังคมไทย พวกเรามีความเห็น ดังนี้
1.) เราเชื่อมั่นในการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ข้อบกพร่องดังกล่าวก็สามารถแก้ไขได้ด้วยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย และที่สำคัญการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้ พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด และสังคมสมัยใหม่ในทั่วโลกให้การยอมรับ ดังนั้นการได้มาซึ่งผู้ปกครองประเทศด้วยวิธีพิเศษ (นายกคนกลาง) ที่ไม่เป็นไปตามครรลองวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย ย่อมไม่สามารถสร้างการยอมรับในระดับสากล และพวกเราก็ไม่สามารถยอมรับได้
2.) การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบัน จะกลายเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับสังคมไทยในอนาคต ดังนั้นการเรียกร้องให้มีผู้ปกครองมาด้วยวิธีพิเศษที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็เปรียบเสมือนการ 'เว้นวรรค ประชาธิปไตย' และต่อไปในอนาคตข้อเสนอนี้ก็จะถูกนำมาผลิตซ้ำ ทำให้ประชาธิปไตยไม่สามารถเติบโตขึ้นได้
3.) การได้มาซึ่งผู้ปกครองด้วยวิธีพิเศษใด ๆ (นายกคนกลาง) ก็ตาม ไม่มีหลักประกันได้ว่าจะทำให้ ความขัดแย้งที่มีอยู่ลดลง หรือหมดไปจากสังคมไทยได้
ต่อสถานการณ์วิกฤติการเมืองไทย พวกเราขอแสดงจุดยืน ดังนี้
1.) เราขอประณามความรุนแรง การทำให้เกิดความรุนแรง ทั้งการพูดใส่ร้าย กล่าวหา ยั่วยุ และแม้แต่การลอบทำร้าย การเผชิญหน้ากันทุกรูปแบบ เราคัดค้านการรัฐประหาร และต่อต้านสงครามกลางเมือง
2.) เราขอให้ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนในสังคมไทยได้เคารพสิทธิ เสรีภาพ ในความเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าความเห็นที่แตกต่างกันจะอ้างความชอบธรรม หรืออ้างความชอบด้วยกฎหมายก็ตาม ซึ่งความชอบธรรมหรือการชอบด้วยกฎหมายตามความคิดเชื่อนั้น ก็ไม่มีใครที่ได้สิทธิ์แห่งความเชื่อนั้นในการทำร้าย ต่ออีกฝ่ายที่เห็นต่างกันได้
ในฐานะประชาคมหนึ่งในสังคมไทย เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ทุก ๆ ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่า และมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อคนอันเป็นที่รัก และขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักการตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และหลักการตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย พวกเราขอเรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนในสังคมไทย เพื่อฝ่าวิกฤติการเมืองไทยสู่ทางออกร่วมกัน ดังนี้
1.) แก้ไขกติกาการเลือกตั้ง และออกเป็น พระราชกฤษฎีกา เสนอไปพร้อมกับ พระราชกฤษฎีกา จัดการเลือกตั้ง (ดำเนินการไม่เกิน 2 สัปดาห์)
2.) ให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติ
3.) ดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมาย โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมไทย พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่ขัดแย้ง และภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมไทย จะตระหนักว่าในสังคม ประชาธิปไตยที่มีความแตกต่างหลากหลาย เรามิอาจเบียดขับหรือกำจัดผู้ที่เห็นต่างให้ออกไปจากสังคมเดียวกันได้ แต่การอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ และเคารพความแตกต่างที่หลากหลาย นั่นคือสังคมประชาธิปไตยที่เป็นประชาธิปไตย .