สสส. แนะ เปลี่ยนระบบดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส วอน รัฐดำเนินการอย่างจริงจัง
ผู้จัดการ สสส. แนะเปลี่ยนระบบดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ต้องเริ่มตั้งแต่ในบ้าน โรงเรียน เปลี่ยนระบบสิ่งแวดล้อมในสังคม เปลี่ยนการรับสมัครงาน เปลี่ยนระบบฝึกอบรม หากจะประสบความสำเร็จวอน รัฐฯ เอกชน อีกทั้งทุกภาคส่วนช่วยกัน
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายเพื่อนปฏิรูปการเรียนรู้จัดงานประชุมวิชาการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม ทั้งนี้จัดให้มีเวทีย่อยในการประชุมซึ่งมีหัวข้อเสวนาว่า “คิดถึงวิทยา” คิดถึงเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส”
นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงเรื่องความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบให้มีความเท่าเทียมกันของผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ฯลฯ ว่า สสส. ได้มีนโยบายการดำเนินการช่วยเด็กด้อยโอกาสอย่างเร่งด่วน แต่ในขณะเดียวกัน พบว่า โอกาสทางการเข้าถึงทางการศึกษาของเด็กนั้นไม่เท่าเทียมกัน การเข้าไปสอบในระบบที่ใหญ่ๆ กลับไม่เข้าถึงเด็กเหล่านี้ ทั้งนี้จึงมีความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบ โดยคำนึงถึงระบบการดูแลของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ระบบการดูแลคนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งคนชายของก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามระบบที่มีอยู่พบว่าเป็นระบบที่สามารถรองรับได้อยู่แล้วเป็นระบบที่ใหญ่พอสมควร แต่ระบบเหล่านั้นไม่ทำงานหรือทำงานไม่ดี
อีกกรณีที่ทำให้ระบบไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่ คือ สังคมไทยชอบฝังผู้พิการ หรือผู้ด้อยโอกาสไว้ตามบ้าน อย่างกรณีผู้พิการ หากพ่อแม่ร่วมมือในการช่วยให้ลูกสามารถดำเนินชีวิตได้กับสังคมโลกภายนอกโดยให้เขาได้เผชิญกับสังคมภายนอก เรียนรู้ที่จะดำเนินวิถีชีวิตได้ด้วยตัวเอง ไม่ฝังตัวเองอยู่แต่ในบ้าน แต่ถ้าหากพ่อแม่ไม่ร่วมมือกลัวว่าลูกจะไม่สามารถเผชิญชีวิตโลกภายนอกได้ ก็จะทำให้เขากลายเป็นคนช่วยตัวเองไม่ได้ และระบบที่สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลคนพิการ ผู้ด้อยโอกาสก็จะทำงานไม่ได้
“พ่อแม่ที่อายไม่กล้าที่จะให้ลูกออกเผชิญโลกภายนอก จริงๆ แล้วเราต้องให้เด็กพวกนี้ลองก่อน เพราะเขาสามารถที่จะพัฒนาได้ ถ้าไม่กล้าปล่อยก็จะดูแลตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าดูตัวเองได้วันหนึ่งระบบจะดูแลเขา” นายกฤษดา กล่าว
นายกฤษดา กล่าวถึงการที่จะเปลี่ยนให้ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้นนั้นต้องเริ่มตั้งแต่ในบ้าน โรงเรียน เปลี่ยนระบบสิ่งแวดล้อมในสังคม เปลี่ยนการรับสมัครงาน เปลี่ยนระบบฝึกอบรม ฯลฯ
“ ถ้าอยากทำทุกอย่างให้สำเร็จเราต้องงัดทุกอย่างให้เกิด เริ่มตั้งแต่ในบ้าน โรงเรียน เปลี่ยนระบบสิ่งแวดล้อมในสังคม เปลี่ยนการรับสมัครงาน เปลี่ยนระบบฝึกอบรม ช่วยกันทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ประกอบกันให้ครบ แล้วมันถึงจะเกิดนี่คือตัวอย่าง”
ทั้งนี้ผู้จัดการ สสส. ยังกล่าวถึงนโยบายภาครัฐที่จะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยว่า รัฐต้องกำหนดนโยบายที่สอดคล้องและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ สามารถเอื้อให้เอกชนเข้ามาช่วยได้ และท้ายที่สุดจะต้องมีวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงระบบได้อย่างยั่งยืนนั่นก็คือ “กิจการเพื่อสังคม” ซึ่งในต่างประเทศเริ่มที่จะมีการสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม ผู้พิการ ผู้สูงอายุ โดยที่กิจกรรมสามารถหารายได้เข้ากองทุนได้ และท้ายที่สุดหากอยากให้ทั้งหมดประสบความสำเร็จนั้นรัฐบาลจะต้องเปิดช่องและดำเนินการอย่างจริงจัง