'ปึ้ง'ชี้'กปปส.'ย้ายชุมนุมอนุสาวรีย์ปชต.คนร่วมน้อย
"สุรพงษ์" ชี้ "กปปส." ย้ายที่ชุมนุมกลับอนุสาวรีย์ปชต. เพราะคนร่วมน้อย เชื่อหารือกกต. วันนี้ได้ข้อสรุปวันเลือกตั้ง รับได้ข้อเสนอจัด 20 ก.ค. จี้กกต.เปิดเผยงบฯ 2 ก
วันที่ 30 เม.ย.57 เวลา 09.45น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศอ.รส. กล่าวว่า ศอ.รส. จะติดตามการประกาศชุมนุมใหญ่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ในช่วงค่ำวันนี้(30เม.ย.) ซึ่งมีข่าวว่ากปปส.มีแนวคิดที่จะย้ายสถานที่ชุมนุมจากสวนลุมพินี กลับไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฉะนั้นการจัดกำลังเพื่อเฝ้าระวัง ก็ต้องมีการปรับตามไปด้วย อย่างจุดตรวจของทหารและตำรวจ โดยรอบสวนลุมพินีก็ต้องเปลี่ยนที่ เพราะถ้านายสุเทพ ตัดสินใจเคลื่อนย้ายกระทันหันในคืนนี้ หากมีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เราจะถูกกล่าวหาว่าไม่ดูแลความสงบเรียบร้อย จึงอยากขอความร่วมมือกับโฆษกและการ์ดของกปปส. รีบประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ตำรวจทหารเป็นนการด่วน เพื่อย้ายจุดเฝ้าระวังได้ทันเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามศอ.รส.ไม่กังวลว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนเหตุการณ์ปี 2553 เพราะนายกฯ ได้กำชับอยู่แล้วว่าจะไม่ใช้วิธีสลายการชุมนุม โดย 6 เดือนที่ผ่านมาเราใช้วิธีการพูดคุยยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการที่กปปส.ย้ายสถานที่ชุมนุมนั้น เนื่องจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นพื้นที่ที่ส่วนใหญ่การจราจรติดขัด และจะทำให้ภาพออกมาว่ามีผู้ร่วมชุมนุมเยอะ โดยสวนลุมพินี เป็นสถานที่ปิดทำให้ถ่ายภาพจำนวนผู้ร่วมชุมนุมไม่ได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนายสุเทพต้องการสร้างภาพให้เห็นว่ามีผู้ร่วมชุมนุมเยอะ แต่เราได้วิเคราะห์แล้วว่าผู้ร่วมชุมนุมนับวันยิ่งน้อยลง ทั้งนี้จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินสายพบฝ่ายต่างๆ ทำให้ผู้สนับสนุนต้องคิดกันใหม่ว่าจะร่วมกับใคร ซึ่งในกทม.มีผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ มากกว่านายสุเทพ ทั้งนี้จากการที่ผบ.ทบ.ได้พูดชัดเจนว่าต้องการให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่ยุแหย่ใส่ร้าย ให้เกิดความแตกแยก ก็อยากให้ทุกคนฟังท่านด้วย ในฐานะผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่ไม่ต้องการเห็นความวุ่นวาย
เชื่อหารือกกต. วันนี้ได้ข้อสรุปวันเลือกตั้ง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศอ.รส. กล่าวถึงการหารือระหว่างรัฐบาลกับกกต. ในช่วงบ่ายวันนี้(30เม.ย.) ว่า เชื่อว่าการหารือนั้นจะได้ข้อสรุป โดยข้อเสนอให้จัดการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. ที่กกต.จะเสนอมา ทางรัฐบาลรับฟังได้ และสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือการจัดงบประมาณ และกำชับหน่วยราชการทุกหน่วยให้การสนับสนุนกกต. ซึ่งกกต.นั้นสามารถสั่งการให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยได้อยู่แล้ว ภายใต้กฎหมายการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามกกต.ต้องพูดให้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมาเป็นโมฆะหรือไม่ และกกต.เห็นชอบตามนั้น ตนไม่อยากเห็นความไม่ชัดเจนของกกต. นอกจากนี้ความเสียหายจากการเลือกตั้งวันที่2 ก.พ. เป็นยอดเงินเท่าไหร่ ซึ่งงบประมาณที่กกต.ได้รับไป 3.8 พันล้านบาท ได้ใช้ไปเท่าไหร่ และครั้งนี้จะใช้เท่าไหร่ ก็ต้องรายงานให้รัฐบาลทราบ เพื่อจะได้จัดสรรอย่างถูกต้อง
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนศอ.รส. กตต. ต้องการให้ศอ.รส.สนับสนุดูแลในพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคง อย่างไรบ้าง ส่วนในจังหวัดอื่นจะให้ฝ่ายทหารหรือฝ่ายอื่นๆดูแลอย่างไรต้องพูดให้ชัดเจน วันนี้เรามีกรอบของรัฐธรรมนูญในการจัดการเลือกตั้งเมื่อมีพ.ร.ฎ.ออกมาแล้วจะเลือกตั้งภายในกี่วันก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เราจะมาคิดนอกจากกฎหมายไม่ได้
“วันไหนก็ได้ทั้งนั้นที่กกต.เห็นว่าจัดการเลือกตั้งได้ วันนี้เป็นสิ่งที่กกต.ต้องตัดสินใจ รัฐบาลคงไม่ไปตัดสินใจกำหนดวันเลือกตั้งด้วย เพราะไม่เกี่ยว กกต.จะจัดการเลือกตั้งได้วันไหน จะมีความเรียบร้อยอย่างไร ต้องไปว่ากัน ที่สำคัญกกต.ต้องพูดด้วยว่าการขัดขวางการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษกับผู้กระทำความผิดแล้วหรือยัง เพราะคนผิดต้องรับผิดชอบในกค่าใช้จ่ายการเลือกตั้ง โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ที่เป็นปัญหาใหญ่ในการขัดขวางเลือกตั้ง ฉะนั้นเงินกว่า 3 พันล้านต้องไปเรียกเอากับนายสุเทพ กกต.ต้องจัดการ อย่ามาให้รัฐบาลจัดการ” นายสุรพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากที่ผ่านมามีการเรียกร้องให้เร่งเลือกตั้งแต่เหตุใดจึงระบุว่าจะเลือกตั้งวันใดก็ได้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การเร่งให้มีการเลือกตั้งเป็นความเห็นของพรรคการเมือง รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองำหน้าที่บริหารประเทศ ใครจะเรียกร้องวันไหนเป็นเรื่องของแต่ละฝ่าย ซึ่งการที่กกต.ได้คุยกับนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับข้อเรียกร้องแล้ว ก็ควรเร่งหาข้อยุติเพื่อประเทศจะได้เดินหน้า
ขอบคุณข่าวจาก