พลิกแฟ้มคดีโกงภาษีVAT 4.3 พันล.ตามรอย"บุญรอด" แค่ชาวบ้านถูกหลอกจริงหรือ?
พลิกแฟ้มข้อมูล "บุญรอด คำงาม" ชาวพิจิตร หนึ่งในเจ้าของทรัพย์สินที่ถูก ป.ป.ง. สั่งอายัดรอบใหม่ คดีฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่มประวัติศาสตร์ 4.3 พันล้าน แค่ "ชาวบ้าน"ถูกหลอกอ้างชื่อรวมขบวนการ หรือ..?
ในบรรดารายชื่อ "บุคคล" ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกคำสั่งอายัดทรัพย์รอบใหม่ จำนวน 1,003,668.66 บาท (รอบแรกอายัด ไปแล้วจำนวน 131,773,846.32 บาท) ในคดีฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่มีวงเงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย จำนวน 4,343,905,592.86 บาท
(อ่านประกอบ : ภาษี VAT 4.3 พันล้านสูญแน่!ป.ป.ง.อายัดเงิน"วีรยุทธ-พวก"ได้เพิ่มแค่ 1 ล.)
นอกเหนือจากรายชื่อ นายวีรยุทธ แซ่หลก, น.ส.สายธาร แซ่หลก, นายประสิทธิ์ อัญญโชติ 3 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับไปแล้ว
ชื่อของ "นางบุญรอด คำงาม" ซึ่งถูกระบุเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูก ป.ป.ง.สั่งอายัดทรัพย์ครั้งนี้ด้วย จำนวน 2 รายการ รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,003,668.66 บาท แยกเป็น เงินฝากในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัล พระราม 3 วงเงิน 3,668.66 บาท และเงินวางประกันซื้อขายทองคำของนางบุญรอด กับบริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด วงเงิน 1,000,000 บาท
มีความน่าสนใจ "บางประเด็น" ที่ "เจ้าหน้าที่รัฐ" ซึ่งมีหน้าที่ในการสอบสวนเรื่องนี้ไม่ควรมองข้าม!
โดยเฉพาะ "สถานะ" และ "ความเกี่ยวข้อง" ของ "นางบุญรอด คำงาม" ในคดีนี้
เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org พบว่า นางบุญรอด คำงาม ปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการในบริษัทเอกชน จำนวน 30 บริษัท ที่จัดตั้งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2555-17 ธันวาคม 2555 อ้างว่าประกอบธุรกิจรับซื้อขาย นำเข้าและส่งออกแร่โลหะทุกชนิด และขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรจำนวน 3,647.7 ล้านบาทในช่วงปี 2555 และช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556
ก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะยืนยันข้อมูลในภายหลังว่า บริษัทเอกชนเหล่านี้ ไม่ได้ทำธุรกิจจริง สินค้าที่ส่งออกไปมีก้อนหินปลอมปน แจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อหวังที่โกงภาษีรัฐ เมื่อได้รับเงินคืนภาษีเรียบร้อย ก็ปิดกิจการลงไปทันที
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ยังตรวจสอบพบว่า นางบุญรอด คำงาม อายุ 54 ปี (ในขณะนั้น) แจ้งที่อยู่เลขที่ 17/3 หมู่ที่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร ในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล ในจ.พิจิตร ของสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันจากบุคคลที่ปรากฎรายชื่อเป็นกรรมการบริษัทเอกชนเหล่านี้หลายคน ว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องอะไรด้วย
ขณะที่ ดีเอสไอ แถลงผลการสอบสวนคดีนี้ว่า จากการสอบปากคำชาวบ้านในจ.พิจิตร ที่ถูกปรากฎชื่อเป็นกรรมการบริษัทเอกชน ที่มีพฤติการณ์ฉ้อโกงภาษีรัฐ ได้รับการยืนยันว่า ไม่ส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับขบวนการนี้
ส่วนเหตุผลที่ปรากฎเอกสารหลักฐานสำคัญของชาวบ้านกลุ่มนี้ ในการแจ้งจดทะเบียนบริษัทเป็นเพราะ กลุ่มคนร้ายจะรวบรวมสำเนาบัตรประชาชนจากชาวบ้านที่มีฐานะยากจนและรายได้น้อย แล้วนำสำเนาบัตรประชาชนไปจดทะเบียนเปิดบริษัท ขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานประกันสังคม และให้ค่าตอบแทนนอมินีรายละ 200-500 บาท
หากพิจารณาข้อมูลที่ระบุมาทั้งหมด จะพบคำถามที่น่าสนใจ คือ หากนางบุญรอด คำงาม มี "สถานะ" เป็นเพียงแค่ ชาวบ้านยากจนและรายได้ ที่ถูกหลอกนำหลักฐาน มีการใช้การจดทะเบียนจดตั้งบริษัท และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย
ทำไม "นางบุญรอด คำงาม" ถึงมีเงินหลักล้านบาท ไปใช้ในการวางประกัน ในการซื้อทองคำ กับ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
ทำไม "นางบุญรอด คำงาม" ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจ.พิจิตร ถึงมาเปิดบัญชี ในธนาคารกสิกรไทย ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ
หรือสถานะที่แท้จริงของ "นางบุญรอด คำงาม" ในคดีนี้จะมีอะไร "ซ่อนเร้น" มากกว่าแค่สถานะ "ชาวบ้าน" ที่ถูกหลอกใช้ให้เข้ามาเป็น "นอมินี" เท่านั้น
อ่านประกอบ :
เปิดโฉมหน้า 14 กรรมการ 30 บริษัทปริศนา!12 คนอยู่“พิจิตร”
ฟัง-ดูกันชัดๆ กรรมการบริษัทคืนภาษี 3.6 พันล.ที่แท้“ลูกจ้าง-แม่บ้าน-แม่ครัว”