ดูชัด ๆ “สุขุมพันธุ์” ตีตกคำร้องลูกจ้าง เคลียร์ปมลดเงิน–คืนส่วนต่าง 30 ล.
“…จากการพิจารณาคำร้องทุกข์ของนายโชติ กับพวก ฟังไม่ขึ้นทั้ง 2 ประเด็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงสั่งยกคำร้องทุกข์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557 กรณีถึงที่สุดแล้ว…”
ยังคงยืนยันคำสั่งเดิม !
ภายหลังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกคำสั่งปรับลดเงินเดือนลูกจ้างประจำกทม. จำนวน 516 คน และให้คืนเงินส่วนต่างเป็นจำนวนเงินกว่า 30 ล้านบาท โดยอ้างว่าการปรับขึ้นเงินเดือนตามคำสั่งกทม.นั้นคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับความเป็นจริง
(อ่านประกอบ : ดูชัด ๆ คำสั่ง “สำนักคลังกทม.” ปรับลดเงินเดือนลูกจ้าง ชนวนฟ้อง “สุขุมพันธุ์”)
แม้ว่าจะกลุ่มลูกจ้างประจำจะรวมตัวกันยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่ากทม. ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2557 แล้วก็ตาม
แต่ก็ไม่ได้รับความคืบหน้าแต่ประการใด !
“เขาไม่ได้สนใจอะไรเลย แม้ว่าทางเราจะยื่นเรื่องร้องทุกข์ไปแล้วก็ตาม เขาก็ยืนยันคำสั่งเดิม พร้อมกับมีเอกสารตอบกลับมาว่า หากอยากโต้แย้งคำวินิจฉัยให้ไปยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลางเอง”
เป็นคำยืนยันจาก “นายโชติ เขียวจันทร์” หนึ่งในลูกจ้างประจำที่เป็นคนฟ้อง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ – พวก” รวม 4 คนที่ศาลปกครองกลางเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
(อ่านประกอบ : “กทม.”ถกด่วน ปมลดเงินเดือนลูกจ้าง - “สุขุมพันธุ์”ยังเฉย)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอนำรายละเอียดเอกสารตอบกลับคำร้องทุกข์ลูกจ้างประจำกทม. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 มาเผยแพร่อย่าง “ละเอียด” ดังนี้
“ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพิจารณาแล้วเห็นว่า นายโชติ กับพวก มีหนังสือลงวันที่ 7 และวันที่ 9 – 10 มกราคม 2557 รวม 4 ฉบับดังกล่าว เนื่องจากนายโชติ กับพวก เห็นว่า ปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 5055/2556 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 แก้ไขอัตราค่าจ้างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ตำแหน่งตามระบบใหม่ และผู้อำนวยการสำนักการคลังปฏิบัติราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งสำนักการคลังที่ 212/2556 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2556 เลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 และให้ยกเลิกคำสั่งการเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติต่อนายโชติ กับพวก ไม่ถูกต้อง ทำให้นายโชติ กับพวก ได้รับความเดือดร้อนจากการปรับลดอัตราค่าจ้างและยังต้องส่งคืนเงินให้แก่กรุงเทพมหานคร จึงขอให้ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
นายโชติ กับพวก มีหนังสือร้องทุกข์ จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุร้องทุกข์อันเกิดจากปลัดกรุงเทพมหานคร หนังสือร้องทุกข์ดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามข้อ 37 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร
เหตุร้องทุกข์ของนายโชติ กับพวก มีประเด็นพิจารณา 2 ประเด็น คือ
1.ประเด็นการใช้อำนาจหน้าที่ของปลัดกรุงเทพมหานครถูกต้องหรือไม่ในเรื่องที่ปลัดกรุงเทพมหานครมีคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 5055/2556 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 แก้ไขอัตราค่าจ้างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ตำแหน่งตามระบบใหม่ และผู้อำนวยการสำนักการคลังปฏิบัติราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งสำนักการคลัง ที่ 212/2556 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2556 เลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครในวันที่ 1 ตุลาคม 2556 และให้ยกเลิกคำสั่งการเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553
พิจารณาแล้วเห็นว่า รองปลัดกรุงเทพมหานคร (นายพูลพันธ์ ไกรเสริม) ปฏิบัติราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 2063/2554 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2554 ปรับเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ตำแหน่งตามระบบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ได้กำหนดกลุ่มบัญชีค่าจ้างไว้มากกว่า 1 กลุ่ม คือ กลุ่มบัญชีค่าจ้าง กลุ่มละ 1- 2 และกลุ่มบัญชีค่าจ้างกลุ่ม 2 – 3
ต่อมา พบปัญหาการปรับเปลี่ยนกลุ่มอัตราค่าจ้างจากกลุ่ม 1 ไปกลุ่ม 2 จากกลุ่ม 2 ไปกลุ่ม 3 โดยปรับอัตราค่าจ้างในกลุ่มใหม่ตามแนวระนาบไม่เป็นไปตามแนวทาง และวิธีปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0428/ว 57 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2556 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556 แก้ไขอัตราค่าจ้างฯ และผู้อำนวยการสำนักการคลังปฏิบัติราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งสำนักการคลัง ที่ 212/2556 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2556 เลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำฯ และยกเลิกคำสั่งการเลื่อนขั้นลูกจ้างประจำฯ โดยมีเจตนาแก้ไขอัตราค่าจ้างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ตำแหน่งตามระบบใหม่ให้ถูกต้อง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนดถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยชอบและเหมาะสมแล้ว
ตามที่นายโชติ กับพวก เห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ให้เหตุผลว่าคลาดเคลื่อนด้วยเหตุใด ตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงฟังไม่ขึ้น
2.ประเด็นที่ นายโชติ กับพวก ได้รับความเดือดร้อนจากการปรับลดอัตราค่าจ้าง และยังต้องส่งคืนเงินให้แก่กรุงเทพมหานคร
พิจารณาแล้วเห็นว่า ปลัดกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 23/2557 ลงวันที่ 3 มกราคม 2557 แต่งตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการผ่อนชำระกรณีลูกจ้างประจำของกรุงเทพมหานคร หรือทายาทได้รับเงินเกินสิทธิ หรือได้รับเงินไปโดยไม่มีสิทธิ ก็เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ในการผ่อนชำระเงินในอัตราที่เป็นธรรมสำหรับผู้ที่มีส่วนเข้าหลักเกณฑ์ทุกคน
ตามที่นายโชติ กับพวก ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว เป็นเพียงการคาดหมายตามความเข้าใจของนายโชติ กับพวก ประเด็นนี้ จึงฟังไม่ขึ้น
จากการพิจารณาคำร้องทุกข์ของนายโชติ กับพวก ฟังไม่ขึ้นทั้ง 2 ประเด็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงสั่งยกคำร้องทุกข์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2557 กรณีถึงที่สุดแล้ว
อนึ่ง หากผู้ร้องทุกข์ประสงค์จะโต้แย้งคำวินิจฉัยร้องทุกข์ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองชั้นต้นที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีภูมิลำเนา หรือที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลปกครองชั้นต้น ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยร้องทุกข์ตามมาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 50 แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542”
อ่านประกอบ :
“ลูกจ้างกทม.” ฟ้อง “สุขุมพันธุ์” ปมสั่งลดเงินเดือนคืนส่วนต่างกว่า 30 ล.
ดูเต็มๆ คำฟ้อง“สุขุมพันธุ์” ปมลดเงินเดือนลูกจ้าง สั่งคืนเงินรวม 30 ล.
เปิดคำสั่ง “กทม.” ปรับเงินเดือนลูกจ้าง อ้างไม่ตรงเกณฑ์ก.คลัง
“กทม.” ยันคำสั่งเดิมให้ลูกจ้างคืนส่วนต่าง 30 ล. ระบุทำถูกต้องแล้ว
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก bangkokbiznews