เอ็นจีโอยื่นจม.กรมอุทยานฯ สั่งย้าย ‘ชัยวัฒน์’ ออกพื้นที่ เปิดทางสืบสวนคดีบิลลี่
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม-สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน-ศูนย์ข้อมูลชุมชน ยื่นหนังสือกรมอุทยานฯ จี้ตามหา 'บิลลี่' นักสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยงบางกลอย ระบุหากเชื่อจนท.เเก่งกระจานมีส่วนพัวพัน ขอให้ 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' อธิบดีฯ ออกจากพื้นที่ เปิดทางสืบสวนอิสระ-ป้องกันข่มขู่พยาน
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 นางสาวพรเพ็ญ ผู้อำนวยการ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนายธนาธร ทนานนท์ ผู้ประสานงานฝ่ายวิชาการ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการหายตัวไปของนายพอจะลี รักจงเจริญ โดยมีนายนิพนธ์ โชติบาล รองอธิบดีและรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้รับมอบหนังสือ โดยจดหมายฉบับดังกล่าวมีความว่า...
สืบเนื่องจากกรณีการหายตัวไปของนายบิลลี่ หรือ นายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2557 นั้น
ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ข้าราชการในสังกัดสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ยอมรับว่ามีการควบคุมตัวนายบิลลี่ไปเพื่อการสอบสวน โดยอ้างความผิดซึ่งหน้าว่าค้นตัวนายบิลลี่แล้วพบรังผึ้งและน้ำผึ้งหกขวด และได้อ้างว่าปล่อยตัวนายบิลลี่ไปแล้ว โดยปราศจากพยานหลักฐานถึงข้อกล่าวหาและการปล่อยตัว และไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดพบเห็นนายบิลลี่หลังจากนั้น
ซึ่งเป็นกรณีอันผิดวิสัยที่บุคคลได้หายตัวไปหลังจากการควบคุมตัวของเจ้าพนักงาน แม้ว่าจะมีการอ้างว่าได้มีการปล่อยตัวหลังจากนั้นแล้วก็ตาม และได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ไว้แล้ว
นายบิลลี่ หรือ นายพอจะลี รักจงเจริญ เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งกำลังเตรียมการเพื่อต่อสู้ในคดีปกครองที่ชาวบ้านกะเหรี่ยงบางกลอยยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรต่อศาล จากกรณีที่มีการเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัว ที่บ้านบางกลอยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2554
จากการหายตัวไปของนายพอละจีหลังจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานในช่วงระยะเวลาที่มีการเตรียมคดีก่อนขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาล จึงเป็นที่น่ากังวลว่านายบิลลี่อาจถูกบังคับให้สูญหายโดยเจ้าพนักงานของรัฐ
ทั้งนี้การบังคับบุคคลให้สูญหาย เป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิในชีวิตและร่างกายของบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง โดยที่รัฐมิอาจเพิกเฉยได้ด้วยประการใด ๆ อีกทั้งประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหายแล้วเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 แม้จะยังไม่ได้ให้สัตยาบัน แต่ประเทศไทยก็มีพันธกรณีที่ต้องไม่ละเมิดอนุสัญญาดังกล่าว และตามมาตรา 32 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิต ร่างกาย การค้นตัวบุคคลหรือการกระทำใดอันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพ จะกระทำมิได้เว้นแต่มีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติ
ด้วยเหตุดังกล่าวการเปิดเผยชะตากรรมของนายบิลลี่เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนโดยเร็ว ถือเป็นการพิทักษ์และคุ้มครองพลเมืองแห่งรัฐ ซึ่งหน้าที่อันสำคัญยิ่งของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งสร้างมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย ให้อยู่บนหลักนิติรัฐ และไม่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนมิว่าจะด้วยประการใด ๆ ก็ตาม
ดังนั้น สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ข้อมูลชุมชน จึงขอเรียกร้องให้อธิบดีฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หากเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับให้หายตัวไป ขอให้อธิบดี ฯ พิจารณาออกจากพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสอบสวน สืบสวนสอบสวนที่เป็นอิสระ และเพื่อให้พยานมีความมั่นใจในความปลอดภัยในการมาเป็นพยาน .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์