กรมข้าวชี้ชีวิตชาวนาจะดีขึ้น ต้องพัฒนาวิจัยแข่งขันเพื่อนบ้านได้
รองอธิบดีกรมข้าวชี้ยกระดับวิจัยข้าวให้แข่งขันกับเพื่อนบ้านได้ พัฒนาสายพันธุ์ ส่งเสริมเทคโนโลยีการผลิต เข้าถึงตลาด เชื่อชาวนามีชีวิตที่ดีขึ้น ระบุที่ผ่านมานโยบายรัฐไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทำวิจัยล่มสลาย
วันที่ 21 เมษายน 2557 คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดประชุมระดมความคิด ‘กำหนดนโยบายวิจัยเกษตรของชาติ’ ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
ดร.วิมล จันทรโรทัย กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา กล่าวว่า เกษตรกรของไทยยังมีฐานะยากจน ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องมองในระดับประเทศผ่านกระบวนการวิจัยที่ตอบโจทย์ ซึ่งวิสัยทัศน์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ได้มุ่งเน้นวิธีการนำไปสู่เกษตรกรมีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีการบริโภคอาหารที่ดี และทำอย่างไรให้เกษตรกรกลายเป็นฐานรายได้หลักของแผ่นดิน
ซึ่งการแก้ปัญหาในปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลิตผล ที่จะต้องดำเนินงานควบคู่กันไป แต่สิ่งที่สำคัญ จำเป็นต้องนำกระบวนการวิจัยทางการเกษตร ด้านพันธุ์พืช ป้องกันโรค และปัจจัยส่งเสริมการผลิตที่เหมาะสมเข้ามาหนุนเสริมด้วย
นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงด้านการผลิตเกี่ยวกับภัยธรรมชาติหรือราคาที่ถูกกำหนดมาจากต่างประเทศ ตลอดจนถึงจะทำอย่างไรให้เกษตรกรสามารถอยู่ในห่วงโซ่ของการเพิ่มมูลค่าตลอดเวลา เพราะปัจจุบันนี้เกษตรมักเข้าไม่ถึงระบบตลาด เนื่องจากขาดองค์ความรู้ที่จะผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพและเพิ่มมูลค่าได้
“ขณะนี้เกษตรกรไทยเคลื่อนย้ายออกจากภาคการเกษตรค่อนข้างเยอะ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเติมเข้ามาที่ล่าช้ากว่าภาคแรงงานอื่น ฉะนั้นในอนาคตจะมีกำลังคนในภาคการเกษตรน้อยมาก จึงต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้มีการใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงานคน เพราะอย่าลืมว่าความเข้มแข็งของไทยอยู่ที่ภาคการเกษตรเป็นหลัก แต่จะต้องพึ่งการวิจัยการใช้แรงงงานทดแทนเข้าด้วย” ดร.วิมล กล่าว
ด้านนายไพฑูรย์ อุไรรงค์ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงการส่งเสริมงานวิจัยข้าวจะต้องให้เกิดการแข่งขันได้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งการจะทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น จะต้องขายข้าวได้ในราคาดี ฉะนั้นจะต้องเริ่มจากการพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี ต้นทุนการผลิตต่ำ และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีเข้ามาหนุนเสริมด้วย
รวมถึงต้องมีการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เช่น การผลิตข้าวเป็นยารักษาโรค ข้าวอินทรีย์ หรือข้าวที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication : GI) เเละต้องหาตลาด
“ การวิจัยต่าง ๆ ที่ทำมาจนถึงปัจจุบัน ภายใน 1-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ารัฐบาลมีนโยบายไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทำให้งานวิจัยที่ทำมาพัง เกิดผลกระทบในเชิงลบ และล่มสลาย” รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าว .
ภาพประกอบ:http://variety.horoworld.com/