กองทัพไม่ฟันธง!'สุเทพ'ตั้งรัฏฐาธิปัตย์เป็นกบฏ
กองทัพไม่ฟันธง!'สุเทพ'ตั้งรัฏฐาธิปัตย์เป็นกบฏ ชี้เป็นภาษากฎหมายต้องตีความ ยกศอ.รส.ยังไม่กล้าแจ้งความ เทียบเสื้อแดงติดป้ายแยกดินแดนความผิดสำเร็จ
8เม.ย.2557 แหล่งข่าวระดับสูงกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองมีการตั้งคำถามเพราะอะไรกองทัพจึงไม่แจ้งความเอาผิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กรณีประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์ เหมือนกับกรณีที่แจ้งความเอาผิดกลุ่มคนเสื้อแดงว่า กรณีดังกล่าวเป็นภาษาของกฎหมาย ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการถกเถียงกันอยู่กรณีของนายสุเทพเป็นเพียงการพูดว่าจะดำเนินการดังกล่าว ยังไม่ได้มีการกระทำที่เป็นรูปธรรม เปรียบเทียบกับกรณีของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ขึ้นเวทีประกาศแบ่งแยกประเทศ โดยกองทัพก็ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ เพียงแต่ขึ้นไปปราศรัยบนเวที และไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเช่นเดียวกัน แต่ต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงได้มีการติดแผ่นป้ายที่มีข้อความแบ่งแยกดินแดนที่ชัดเจน ในหลายพื้นที่และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐหรือใครไปแจ้งความดำเนินคดี ในส่วนของกองทัพมีหน้าที่หลักคือการดูแลความมั่นคงภายในประเทศโดยตรง จึงต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนดังกล่าว
แหล่งข่าวระดับสูงกองทัพบก กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีของนายสุเทพมีการพูดปราศรัยในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ และอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งความดำเนินการกับนายสุเทพในข้อหากบฏไปแล้ว กองทัพจึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปแจ้งความเอาผิดเพื่อจะให้เกิดความซ้ำซ้อน ในทางตรงกันข้ามถ้าสิ่งที่นายสุเทพพูดมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าทำความผิดจริง รวมถึงยังไม่มีใครไปแจ้งความเอาผิดทางกองทัพก็จะต้องดำเนินการแจ้งความเช่นเดียวกัน แต่ทราบว่าศอ.รส. ได้ดำเนินการไปแล้ว
“ส่วนประเด็นที่ถกเถียงกันเรื่องตั้งรัฎฐาธิปัตย์นั้น ทราบว่า ศอ.รส. ก็จะดำเนินการเอาผิดเช่นกัน เพียงแต่ว่าในขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความใด ๆ เพราะ ศอ.รส. จะต้องไปปรึกษาหารือกับฝ่ายกฎหมาย อีกทั้งคำพูดของนายสุเทพเป็นคำพูดที่ก้ำกึ่ง ระหว่างการแสดงออกทางการเมืองหรือเข้าข่ายการเป็นกบฏ ซึ่งศอ.รส. ต้องไปดูเรื่องกฎหมาย เพราะสามารถมองได้หลายแนวทาง ทั้งในส่วนของนักวิชาการ นักกฎหมาย ที่มีแง่มุมที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ใครจะหยิบมุมไหนมาพูด อย่างไรก็ตามคงต้องยึดศอ.รส. เป็นหลัก” แหล่งข่าวระดับสูงกองทัพบก กล่าว
พล.ท.มนัส เปาริก เพื่อนเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประกาศยึดอำนาจและตั้งรัฎฐาธิปัตย์ว่า เป็นไปตามเอกสารที่ชื่อว่ายึดอำนาจรัฐเพื่อการเปลี่ยนแปลงโดยประชาชน ซึ่งได้มีการแจกจ่ายให้ผู้บังคับหน่วยในกองทัพบกเมื่อปี 2551 แต่คาดว่าการมีร่างขึ้นก่อนปี 2549 ที่มีการรัฐประหาร การดำเนินการของกปปส.เหมือนกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล และการตั้งสภาประชาชนถนนราชดำเนิน รวมถึงการเคลื่อนไหวของพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย
ทั้งนี้แผนดังกล่าวว่าดำนินการเป็นบันไดสามขั้น โดยขั้นแรกยึดทำเนียบรัฐบาล ขั้นที่สองขับไล่รัฐบาลออกไปให้ได้ โดยใช้กลไกขององค์กรอิสระ และขั้นที่สามระดมประชาชนนับล้านคน เพื่อขอประชามติตั้งรัฐบาลแห่งชาติเฉพาะกาล จะเห็นได้ว่าแผนสุดท้ายคือการปิดประเทศเป็นเวลา 3 ปี โดยที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือเสธ.อ้าย ก็ยังไม่สามารถเดินไปสู่ขั้นที่สามได้ คาดว่ากปปส.จะดำเนินการได้สำเร็จและก้าวไปสู่ขั้นที่สาม ตามที่ได้ประกาศว่าจะระดมคนทั่วประเทศมาชุมนุม
นอกจากนี้ยังได้เขียนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงการระบบการบริหารประเทศโดยประชาชน การดำเนินการของสภาประชาชนถนนราชดำเนินที่ขณะนี้จะเป็นกปปส. และมีการตั้งฝ่ายนิติบัญญัติจำนวน 250 คน คัดเลือกจากแต่ละวิชาชีพ ตั้งคณะผู้บริหารจำนวน 31 คนที่สามารถขับเคลื่อนการบริหารประเทศได้ ที่ผ่านมายังทำไม่ได้เพราะไม่สามารถระดมคนมาได้เป็นล้านคน เงื่อนไขเหล่านี้จะสำเร็จได้คือการที่ประชาชนออกมา โดยก่อนหน้านั้นต้องขับไล่รัฐบาลออกไปให้ได้ก่อน เมื่อถึงจุดนั้นคนเสื้อแดงต้องออกมาแน่นอน
ขอบคุณข่าวจาก