เสียงครวญจากยะลา...บ้านเราอยู่ยากขึ้นทุกที
เหตุระเบิดกลางเมืองยะลา 2 วัน 7 จุด เป็นคาร์บอมบ์ 1 จุด โชเล่ย์บอมบ์ (รถจักรยานยนต์พ่วงข้างบรรทุกระเบิด) อีก 1 จุด ที่สร้างความเสียหายให้กับย่านธุรกิจการค้า ทั้งร้านเฟอร์นิเจอร์ โกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่กลางเมือง และร้านสะดวกซื้อชื่อดัง มีอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 15 คูหา มีผู้เคราะห์ร้ายสังเวยชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบคนนั้น ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ความภาคภูมิใจของทุกหน่วยงานที่สามารถสกัดกั้นเหตุรุนแรงขนาดใหญ่ในเขตเมือง โดยเฉพาะ อ.เมืองยะลา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการศึกษาของพื้นที่ได้ยาวนานกว่า 2 ปี ถึงคราวต้องมลายหายไปพริบตา
สภาพการณ์ ณ วันนี้เต็มไปด้วยความหวาดผวา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้รับแจ้งจากประชาชนให้เข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ต้องสงสัยที่จอดทิ้งไว้นานผิดสังเกตเกือบตลอดทั้งวัน
ขณะที่กลุ่มผู้นำศาสนา นักเรียน นักศึกษา พ่อค้า ประชาชนหลายร้อยคน พร้อมใจกันเดินรณรงค์เรียกร้องให้หยุดการก่อเหตุรุนแรง...
ส่วนความเคลื่อนไหวของภาครัฐ ทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จังหวัด และเทศบาลนครยะลา ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบความเสียหาย ให้กำลังใจ และเร่งรัดการช่วยเหลือเยียวยา มีการตั้งเต็นท์บริเวณหน้าแขวงการทางยะลา เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีทั้งบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย
เจ้าของโกดังศรีสมัยเครียด
หากนับเฉพาะสถานประกอบธุรกิจ นอกเหนือจากร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ที่เจอคาร์บอมบ์เข้าไปเต็มๆ กระทั่งเกิดเพลิงลุกไหม้อาคารไม้จนวอดแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโกดังศรีสมัยยะลา ของ นายอุปถัมภ์ ศิริไชย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดังระดับประเทศที่เปิดหลายสาขาในพื้นที่ และเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ท้องถิ่นอีกหลายแห่ง ได้รับผลกระทบมากที่สุด
"ผมทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากพี่สาวที่โทรศัพท์ไปบอกว่าโกดังถูกระเบิด พอไปดูก็ตกใจ พูดไม่ออกเลย เพราะสูญเสียเยอะมาก เยอะกว่าหลายๆ ครั้งที่เคยโดน" เป็นเสียงเล่าระคนท้อของนายอุปถัมภ์ เจ้าของโกดังศรีสมัย และยังรั้งตำแหน่งเลขาธิการหอการค้าจังหวัดยะลา
เขาบอกต่อว่า ตอนนี้ถ้าหากคิดจำนวนจากเริ่มแรกของเหตุการณ์ความไม่สงบ ธุรกิจของครอบครัวโดนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 40-50 ครั้ง เฉลี่ยแล้วปีละ 4-5 ครั้ง และทุกครั้งที่เกิดเหตุ ความสูญเสียไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท แล้วอย่างนี้จะอยู่ได้อย่างไร ยังมองไม่ออกเลยว่าวันพรุ่งนี้จะทำอย่างไรต่อ
"รัฐก็ช่วย แต่การช่วยของรัฐไม่สามารถทำให้เราอยู่ได้ เงินที่ได้มาก็เอามาจ่ายค่าสินค้าที่เสียหายไป ประกอบกับเงินเยียวยาก็ได้ช้า ระหว่างนี้เราจะเอาที่ไหนมาหมุนเวียน ตอนแรก (วันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย.เกิดเหตุระเบิดกลางเมือง 4 จุด) ก็ยังคุยกับพ่อแม่ด้วยซ้ำว่าวันนี้เรารอด เราถือว่าโชคดี แต่ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมา (เช้าวันจันทร์ที่ 7 เม.ย.) ของเราจะโดนอีก" อุปถัมภ์ กล่าว
สองตายายในเมืองอันตราย
ขณะที่ นางสุทา สังข์กุล คุณป้าวัย 60 ปี เจ้าของร้านล็อตเตอรี่ หนึ่งในร้านที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งแถบพร้อมกับธุรกิจ กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุกำลังอยู่ในบ้าน พอได้ยินเสียงระเบิดก็วิ่งออกมา ขนของอะไรไม่ได้สักอย่าง ตอนแรกแฟนติดอยู่ด้านในด้วย โชคดีได้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วย จึงรอดออกมาได้
"ตอนนี้กำลังใจหมดแล้ว ไม่มีเหลือ อยากออกจากพื้นที่แล้ว เพราะโดนหลายครั้งจนกำลังใจไม่มี เราก็อายุเยอะแล้ว บอกตรงๆ กลัวมากๆ เลย กำลังนั่งคิดนะว่าเราอยู่กันสองคนตายาย ไม่รู้จะวิ่งทางไหน ด้านหลังก็ตัน ด้านหน้าก็ไฟไหม้ มันน่ากลัว คิดแต่วิ่งหนีเอาตัวเองให้รอดก่อนนะในตอนนั้น"
"สามีป้ายังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล หมอยังต้องดูอาการ เพราะถูกสะเก็ตระเบิด แต่ป้ายังถือว่าโชคดีที่ทุกคนรอด นอกจากแฟนที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยออกมา เหมือนกับพ่อของร้านราชาฟอร์นิเจอร์ที่เขาเป็นอัมพาต ขยับไม่ได้ นอนอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่ก็ช่วยออกมา เห็นว่าทางลูกหลานยังปิดข่าวไม่ให้พ่อเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พาไปพักที่บ้านญาติอีกหลังหนึ่ง"
ขับรถผ่านโดนทั้งครอบครัว
ดาเล็ง เจ๊ะบู วัย 55 ปี จาก อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งผ่านไปประสบเหตุ เล่าว่า พาครอบครัวไปซื้อของที่ยะลา กำลังขับรถจะกลับบ้าน ได้ยินเสียงระเบิด ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะโดน แต่พอได้ยินเสียงก็มองไปทางลูก หันไปดูแฟน เห็นลูกมีเลือดไหล จึงรีบจอดรถ เห็นรถได้รับความเสียหาย ยางแตก กระจกแตก ยังไม่คิดอีกว่าตัวเองโดนเหมือนกัน มัวแต่มองคนอื่นว่าบาดเจ็บหรือเปล่า
"ผมไปรู้ตัวว่าโดนด้วยตอนอยู่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเวียนๆ หัวอยู่ เจ็บที่หัว ลูกก็เจ็บ แฟนก็เจ็บ แต่ยังต้องออกมาลงทะเบียนผู้ได้รับผลกระทบ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครช่วยเหลือเรา หวังว่าภาครัฐช่วยซ่อมรถให้ก็ยังดี"
ดาเล็ง บอกอีกว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับตัวเองและครอบครัว รู้สึกว่าในพื้นที่น่ากลัว อยู่ยาก ไปไหนต้องระวัง เวลามีงานเลี้ยง งานแต่งงานก็ไปด้วยใจผวา หวาดระแวงตลอด พอมาโดนกับตัวเองยิ่งรู้สึกว่าน่ากลัว 10 ปีของสถานการณ์ไฟใต้ชาวบ้านยังได้รับผลกระทบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทุกคนมีโอกาสเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ด.ญ.มารียัม เจ๊ะบู ลูกสาววัย 14 ปีของดาเล็ง บอกว่า รู้สึกตกใจและกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่อยากให้มีเหตุรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก อยากขอให้หยุดทำร้ายทุกคน อยากให้อยู่กันอย่างสงบสุข อยู่แบบไม่มีความรุนแรง
วอนหยุดก่อความรุนแรง
อรพินท์ แซ่พูน ชาว อ.เมืองยะลา วัย 65 ปีที่ออกมาให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบ เพราะเคยพักอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุระเบิดกลางเมือง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงตอนนี้ยังรู้สึกใจสั่น ตกใจและกลัวมาก สงสารทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ได้แค่มาให้กำลังใจ คิดว่ากำลังใจคนละนิดละหน่อยจะช่วยให้พี่น้องของเราอยู่ต่อไปได้
"วันนี้ยังไม่ได้ทานอะไร เห็นข้าวก็อยากกินนะ แต่กินไม่ลง รู้สึกว่าบ้านเราอยู่ยากขึ้น ที่ไหนๆ ก็ไม่มีความปลอดภัย จะทำอะไรก็ไม่สะดวก น่ากลัวไปหมด กลัวที่จะทำงาน กลัวที่จะอยู่ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป ส่วนธุรกิจไม่ต้องพูดถึง แย่ยิ่งกว่าเดิมแน่นอน พอสักพักดูเหมือนจะดีขึ้น ก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำอีกอย่างไม่รู้จบ ทุกครั้งที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ตลอด"
ความรู้สึกของอรพินท์ ไม่ต่างอะไรกับ จินตนา เจริญธนภัทร ชาวเมืองยะลาวัยเกิน 50 ปีที่ออกมาร่วมแสดงพลังปฏิเสธความรุนแรง เธอบอกว่า ต้องการให้กำลังใจพี่น้องทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่วนตัวแม้ไม่ได้รับผลกระทบด้วย แต่ก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างจากคนที่โดน อยากขอให้พี่น้องทุกคนมีความสามัคคี ออกมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเอง ไม่ว่าจะนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ หรืออิสลาม ทุกคนเดือดร้อนหมด
"อยากให้ทุกคนออกมาบอกกับคนที่ก่อเหตุว่า ให้ยุติการก่อเหตุได้แล้ว จะเอาอะไรให้ออกมาคุยกัน ไม่ใช่มาทำกันแบบนี้ คนที่โดนเป็นคนดีทั้งหมด พวกเขาผิดอะไร ถ้าหากได้ยินเสียงนี้ก็ขอให้หยุดการกระทำที่รุนแรง เชื่อว่าถ้าหยุด ความสงบสุขและสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เพราะวันหนึ่งอาจเป็นญาติพี่น้องของตัวเองก็ได้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรง"
เร่งจ่ายเยียวยาเพื่อขวัญกำลังใจ
ด้านความเห็นของฝ่ายเจ้าหน้าที่ นายสุชาติ ศึกษา อาสาสมัครของเทศบาลนครยะลา บอกว่า ตลอด 10 ปีของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ถ้านับจำนวนครั้ง คงเป็นร้อยครั้งแล้วที่ตัวเองวิ่งเข้าไปดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้อาคารบ้านเรือนของพี่น้องประชาชน รู้สึกว่าแต่ละครั้ง แต่ละเหตุการณ์ยิ่งหนักขึ้นๆ ทุกที เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่แย่ลงอีก
ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา กล่าวว่า นอกจากกำลังใจที่ต้องมีให้กันแล้ว ภาคราชการต้องเร่งรัดการเยียวยาให้เร็วที่สุด คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรในรายละเอียดได้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นคงไม่มีใครพิสูจน์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการที่ควรจะอลุ้มอล่วย ถ้ามัวแต่เอาระเบียบมากาง ก็จะทำให้การเยียวยาเป็นไปด้วยความยากลำบาก และขวัญกำลังใจของผู้ได้รับผลกระทบจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ในห้วงเวลาของการเผชิญวิกฤติร่วมกันนี้ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการจับมือกัน สามัคคีกัน และฝ่าฟันไปให้ถึงที่สุด!
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ความเสียหายจากระเบิดและเพลิงไหม้กินวงกว้าง (ภาพโดย สุเมธ ปานเพชร)
2 อุปถัมภ์ ศิริไชย
3 ครอบครัวของ ดาเล็ง เจ๊ะบู บาดเจ็บกันถ้วนหน้า
4 ซากรถเหยื่อเพลิงและสะเก็ดระเบิด (ภาพที่ 2-4 โดย นาซือเราะ เจะฮะ)