สุรพงษ์เผยเตรียมตั้งวอร์รูม ติดตาม นปช.
สุรพงษ์ เผยเตรียมตั้งวอร์รูมติดตาม นปช.นัดชุมนุม 5 เม.ย. ระบุเป็นห่วงมือที่สามก่อเหตุ
เมื่อเวลา 09.45 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาศอ.รส.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ซึ่งกลุ่มนปช.นัดชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย.นี้ พร้อมกับอีกกลุ่มกปปส.ซึ่งชุมนุมอยู่เเละจะจัดกิจกรรมในวันที่5เม.ย.ด้วยว่า จากการที่ได้ติดตามแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายพูดในสื่อ ตนเชื่อว่านปช.จะมีคนเป็นจำนวนมากเข้ามา และจากการดูที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ดำเนินการกับกลุ่มคปท.เป็นสิ่งที่ตนเป็นห่วงมาก เนื่องจากที่เกิดเหตุยิงกลุ่มผู้ชุมนุมคปท.เมื่อวานนี้(1 เม.ย.) และมีความพยายามป้ายสีความผิดให้ฟังตรงข้าม ตนเป็นห่วงเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารที่ดูแลในเรื่องนี้ดำเนินการที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด และให้มีการเตรียมความพร้อมต่างๆด้วย อย่างไรก็ตามวันที่ 5 เม.ย.นี้ศอ.รส.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะมีการตั้งวอร์รูมติดตามเหตุการณ์เฉพาะ โดยจะใช้ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นวอร์รูม
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นห่วงเรื่องการดูแลประชาชนทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียมว่า เรื่องนี้ทางศอ.รส.จะกำชับเลยว่ากลุ่มกปปส.เดินขบวนในวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาเราดูแลอย่างไรก็จะดูแลกลุ่มนปช.อย่างนั้น และที่สำคัญที่สุดเราต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่างๆ เพราะตนเป็นห่วงเรื่องมือที่สามที่พยายามจะก่อเหตุ เราพยายามจะจับคนที่กระทำผิดให้ได้ เพราะนอกจากจะมี 2 ฝ่ายแล้วยังมีผู้ไม่หวังดีต้องการเห็นเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นก็จะผสมโรงเข้าไป โดยเราก็จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างรัดกุม อย่างไรก็ตามเรื่องการขอกำลังทหารเข้ามาดูแลเหตุการณ์ที่จะมีการชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย.นี้เพิ่ม ตนคิดว่ากำลังตำรวจ ทหารที่มีอยู่ในศอ.รส.ตอนนี้เพียงพอแล้ว และถ้ามีความต้องการเพิ่มเติมก็เรียกได้ตลอด
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคปท.ประกาศบนเวทีว่าไม่เชื่อมั่นตำรวจ และจะพกพาอาวุธ ว่า การพูดลักษณะนี้ไม่ได้สร้างสรรค์เลย เพราะคนไทยไม่สามารถพกพาอาวุธได้ โดยการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เป็นความลำบากของศอ.รส.ที่กำกับดูแลถ้าผู้ชุมนุมจะพกพาอาวุธ ทั้งนี้ ตนอยากเรียกร้องแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายให้ช่วยกำชับไม่ให้การ์ดหรือผู้ชุมนุมพกพาอาวุธ นอกจากนี้ การไม่แจ้งเส้นทางการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้มีการดูแลที่ลำบาก และเวลาเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ การเก็บหลักฐานก็ยากลำบาก
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า อยากฝากถึงกรณีที่นายสุเทพ จะเดินขบวนให้ข้าราชการเข้าข้างกลุ่มกปปส.ไม่ต้องอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ตนอยากฝากว่าข้าราชการทุกคนเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นข้าของแผ่นดิน กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน หน้าที่ของข้าราชการคือ รับใช้ประชาชน เพราะฉะนั้นขอให้ข้าราชการทุกคนปฎิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ อย่าไปฟังนักการเมืองฝ่ายไหนมาเรียกร้อง
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มนปช.จะเปิดเผยรายชื่อนายกฯเถื่อน จะนำพาไปสู่ความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนายกฯเถื่อน หรือนายกฯคนกลางเป็นเรื่องที่สังคมภายใต้ระบอบประชาธิปไตยรับไม่ได้ ไม่ควรจะมีนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อถามว่า มองท่าทีทหารอย่างไรที่จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์กันในวันนี้ และมีการพูดกันว่าม็อบเดินถนนต้องจบได้แล้ว นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่ทหารจะได้ประชุมเพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตนดีใจที่หลายฝ่ายเข้าใจสถานการณ์และแก้ปัญหาร่วมกัน อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องว่า จะทำอะไรก็ให้ทำอย่างตรงไปตรงมา ทำจิตใจให้เป็นกลาง หวังว่าจะไม่เลือกฝ่าย
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาพูดว่าหากสถานการณ์ยังมีการก่อเหตุรุนแรงและตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้ปลอดภัยได้ กองทัพอาจจำเป็นต้องพิจารณาการใช้กฎอัยการศึกเข้ามาดูแล นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามผบ.ทบ.พูดชัดเจนว่า ทหารอยู่ส่วนหนึ่งภายใต้ศอ.รส. ทหารจะดำเนินการภายใต้กฏหมาย และวันนี้ทหารก็ช่วยกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องการจะประกาศกฎอัยการศึกศึกตนไม่ได้ยินผบ.ทบ.พูด สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นที่จะประกาศกฏอัยการศึก เพราะกองทัพได้เรียนรู้วิวัฒนาการเรื่องประชาธิปไตยมาโดยตลอด ว่าเรื่องการปฎิวัติไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ
การข่าวไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่เราเป็นห่วงเรื่องมือที่สาม ที่พยายามสร้างสถานการณ์ ผมขอเรียกร้องผู้ที่สร้างความวุ่นวายหยุดได้แล้ว นายสุรพงษ์ กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก