“ถั่งเช่า” ขาลง คนไทยแห่เพาะเชิงธุรกิจ จากกก.ละล้าน เหลือ 5 หมื่นต้นๆ
นักวิชาการชี้ถั่งเช่าเมืองไทยสรรพคุณเทียบเท่าทิเบต เผยหลายมหาวิทยาลัยทดลองเพาะประสบความสำเร็จ ระบุประชาชนสนใจอบรมเพาะเพื่อธุรกิจ ย้ำใช้ทุนไม่สูง
เห็ดถั่งเช่าเคยเป็นที่ฮือฮาอยู่ช่วงหนึ่งภายหลังจากมีคลิปสนทนาของอดีตนายกรัฐมนตรีพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรเกี่ยวกับสรรพคุณว่ากินแล้วจะกะปรี้กะเปร่า ทำให้คนส่วนใหญ่อยากลิ้มลองเห็ดชนิดนี้ขึ้นมา แต่เนื่องด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงจึงค่อนข้างที่จะหายาก กระทั่งมหาวิทยาลัยหลายแห่งในเมืองไทยเริ่มทดลองเพาะปลูกเห็ดดังกล่าวโดยหวังที่จะให้เกษตรกรในประเทศเพาะปลูกเห็ดถั่งเช่าได้และสามารถขายได้ในราคาที่ถูกลง
นางธนัชยา เกณฑ์ขุนทด อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวกับสำนักข่าวอิศราว่า ในปัจจุบันนี้ราคาของเห็ดถั่งเช่าเข้าสู่ช่วงขาลงเมื่อก่อนอาจจะมีราคากิโลกรัมละล้านตอนนี้เริ่มตกลงมาแล้ว ส่วนในเมืองไทยที่ขายถูกกว่าเพราะต้นทุนในการเพาะปลูกไม่ได้สูงมากแต่อาจจะต้องดูแลและมีการควบคุมอุณหภูมิห้อง ซึ่งขณะนี้มีการเพาะปลูกเห็ดถั่งเช่าในเชิงธุรกิจเกิดขึ้นหลายแห่งในเมืองไทยอย่างของในภาคเอกชนก็มีฟาร์มลุงหยุดที่จังหวัดสระบุรี ทั้งนี้ยังมีการจัดอบรมวิธีการเพาะปลูกขยายพันธุ์ให้กับประชาชนทั่วไปที่สนใจไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ศูนย์ไบโอเทค
นางธนัชยา กล่าวด้วยว่า สำหรับมหาวิทยาลัยที่ทดลองประสบความสำเร็จแห่งแรกจะเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมีผลิตพันธุ์ทำเป็นแคปซูลจำหน่ายสรรพคุณเทียบเคียงกับของทิเบตได้ และหากผู้ที่สนใจจะหันมาเพาะเห็ดถั่งเช่าเพื่อการค้าสามารถไปขอดูตัวอย่างการสร้างโรงเพาะเห็ดชนิดนี้ได้ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเนื่องจากโรงเพาะเห็ดค่อนข้างทันสมัยมีกำหนดตัวฉีดปรับระดับความชื้นควบคุมอุณหภูมิห้องอย่างดี แต่หากเริ่มต้นมีห้องปกติแล้วติดแอร์ก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟชบุ๊กใช้ชื่อ Arthit Ourairat ว่า จากการที่ประเทศไทยสามารถทดลองเพาะเห็ดถั่งเช่าได้สำเร็จ ต่อไปนี้เกษตรกรไม่ต้องปลูกแต่พืชผล ยาจก และ ยากจน อีกแล้ว พร้อมกันนี้ยังระบุอีกว่า เห็ดพันธุ์หนอนถั่งเช่าทิเบต ขายกิโลกรัมละล้านบาท แต่เห็ดพันธุ์รังสิตขายกิโลกรัมละ 50,000 บาท สามารถปรุงได้ทั้งอาหารคน อาหารเสริมสุขภาพ และอาหารสัตว์