ตร.เชื่อดูแลชุมนุมใหญ่กลุ่ม กปปส.ได้
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย เชื่อดูแลชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม กปปส.ในวันที่ 29 มีนาคมได้ ยังไม่มีการข่าวเหตุรุนแรง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 27 มีนาคม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การชุมชุมใหญ่ของกลุ่มกปปส.ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) อย่างใกล้ชิด ข้อมูลด้านการข่าวยังไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะการเรียกระดมพลของ กปปส.ครั้งนี้ เพื่อแสดงสัญลักษณ์ โดยคาดว่าจะมีการเคลื่อนขบวนไปที่ รัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ข้อมูลด้านการข่าวยังพบว่า แกนนำไม่ได้ระดมคนทั้งหมดให้เดินทางเข้ากทม. เหมือนครั้งอื่นๆ และยังมีการประกาศให้ชุมนุมในจังหวัดตัวเอง มีเพียงผู้ชุมนุมบางส่วนเท่านั้นที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร จึงเชื่อว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะมีไม่มากเหมือนครั้งก่อนๆ ขณะที่กลุ่ม นปช. ไม่มีการนัดหมายในวันที่ 29 มีนาคม จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุกระทบกระทั่งกัน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า แผนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะร่วมกับทหาร ประสานกับแกนนำ เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนต่างๆ โดยรับคำสั่งจาก ศอ.รส.อย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีวันที่ 5 เมษายน ที่มีการเตรียมการของกลุ่มนปช. ยังไม่มีข่าวว่าจะมีการกระทบกระทั่งของมวลชน แต่ได้เตรียมมาตรการป้องกันการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายโดยการคุยกัน เจรจากันก่อน ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระทั่งกันอยู่แล้ว ขณะที่ตำรวจจะมีการตั้งด่านตรวจป้องกันอาวุธที่จะเล็ดลอดเข้ามา เพื่อลดความรุนแรง ขณะที่การข่าวมีการตรวจสอบตลอดเวลา ซึ่งทุกฝ่ายช่วยกันทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน เพื่อดูแลความปลอดภัย ขณะที่ผู้ชุมนุมเองก็ต้องไม่เป็นตัวเร่งให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น เชื่อว่าถ้าไม่มีการตั้งด่านเหตุอาจจะเยอะกว่านี้ ซึ่งตำรวจปรับแผนการปฏิบัติอยู่ตลอด ที่น่าห่วงเรื่องฮาร์ดคอร์แต่ละฝ่ายตำรวจก็ได้ดูแลความเต็มที่ทั้งการตรวจอาวุธ การเข้าไปกดดันในแหล่งที่จะมีการส่งผ่านอาวุธ การคัดกรองอาวุธ คัดกรองบุคคล การประสานความร่วมมือของแกนนำในการห้ามบุคคลของคนของตนเองก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นการลดความรุนแรงได้ ส่วนกรณีที่นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส.ออกมาบอกว่ามีชายชุดดำเข้ามาอยู่ตามอพาร์ตเม้นต่างๆในกทม.กว่า 40 จุดนั้น การข่าวตำรวจยังไม่พบข้อมูลนี้ อย่างไรก็ตามตำรวจจะร่วมกับทหารดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย
ด้านพล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกตร. กล่าวว่า กลุ่มสองกลุ่มที่มีความเห็นต่าง ตำรวจมีมาตรการเฝ้าระวังไม่ให้ทั้งสองกลุ่มเผชิญหน้ากัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังบุคคล กลุ่มคนที่จะเข้ามาสร้างปัญหา เมื่อมีการชุมนุมก็คงต้องไปพูดคุยให้รักษาระยะห่างของกลุ่มซึ่งที่ผ่านมาอาจจะมีเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันบ้างแต่ตำรวจก็สามารถดูแลได้ จากการข่าวตอนนี้ยังไม่มีอะไรรุนแรง แต่เรามีมาตรการแผนเผชิญเหตุขั้นสูงสุดอยู่แล้วเชื่อว่าจะสามารถดูแลการชุมนุมได้ ในส่วนฮาร์ดคอร์ ของแต่ละกลุ่มที่อาจจะก่อเหตุรุนแรงนั้นมีการป้องกันโดยการตั้งด่านรอบพื้นที่กทม. เส้นทางเข้ากทม.ทั้งหมดและคัดกรองอีกชั้นในด่านกทม.ชั้นใน เพื่อตัดวงจรอาวุธเข้ามากทม.ให้มากมี่สุด กลุ่มคนสุ่มเสี่ยงก็ต้องเฝ้าดูพฤติกรรมเพื่อตัดออกไป เชื่อว่าตำรวจจะสามารถดูการชุมนุมได้
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ประเมินว่า การนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มกปปส. ในวันที่ 29 จะมีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นพอสมควร แต่จะไม่มากเท่าเหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากมีการชุมนุมคู่ขนานกันในต่างจังหวัด ส่วนกลุ่มนปช.จากข้อมูลการข่าวเชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมน้อย และไม่น่าจะมีการเคลื่อนพลใหญ่เข้ามาในพื้นที่ กทม. แต่จะชุมนุมในพื้นที่ปริมณฑล ซึ่งหน่วยข่าวของสันติบาลมีการพูดคุยกับแกนนำทั้งสองฝ่ายแล้ว พบว่า แต่ละฝ่ายต่างไม่ต้องการให้เกิดการปะทะหรือเกิดเหตุรุนแรง เพียงแต่ต้องการแสดงพลังเท่านั้น
"เหตุรุนแรงซ้ำรอยปี 53 คาดว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะครั้งนั้นเป็นบทเรียน อีกทั้งรูปแบบของการชุมนุมก็เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่นัดรวมพลมารวมในจุดๆเดียวอย่างที่ราชประสงค์เมื่อปี 53 ก็เป็นการชุมนุมกระจายเป็นจุดๆ เหตุลักษณะปี53 เชื่อว่าไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ที่เป็นกังวลและน่าเป็นห่วงคือเรื่องของมือที่ 3 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ กลุ่มบุคคลที่ไม่พอใจในกระบวนการยุติธรรม สั่งสมความไม่พอใจ รอจังหวะที่จะขยายเหตุให้เกิดความวุ่นวายในวงกว้าง ที่น่าห่วงคือกลุ่มฮาร์ดคอร์ของแต่ละฝ่าย ที่อาจจะใช้ความรุนแรงซึ่งได้ติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว" หน่วยข่าวของตำรวจสันติบาลเปิดเผย
ขอบคุณข่าวจาก