'ประจิน'วอน"ปู-สุเทพ"เสียสละ-ลดทิฐิเพื่อชาติ
"ประจิน "วอน“ปู-สุเทพ ” เสียสละ-ลดทิฐิเพื่อชาติ ชี้หากถอยได้เป็น “วีรบุรุษ-วีรสตรี” เชื่อเจรจาทางออกดีที่สุดสู่สันติ หวั่นขัดแย้งบานปลายเกิดสงครามกลางเมือง แนะเดินหน้าปฏิรูปพร้อมบริหารประเทศ วอนหยุดวาทกรรมเสียดสีแบ่งฝ่าย ชี้เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินส่งผลดีต่อท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ ถ่อมตัวเป็นไปไม่ได้นั่งนายกฯคนกลาง
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (ทกท.2 บน.6) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วกลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทนว่า เชื่อว่าการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเกิดผลดีต่อทุกภาคส่วน ทั้งในเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองปัญหาทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ธุรกิจ ที่ส่งผลกระทบจะดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ต้องมองว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนต.ค.ปี56 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาประมาณ 6 เดือนความไม่มั่นคงทางการเมืองได้ส่งผลกระทบกับด้านเศรษฐกิจ สังคม มากน้อยแค่ไหนและจะยอมให้ผลกระทบเกิดต่อไปหรือไม่ซึ่งเราควรจะสร้างสภาพการเมืองเพื่อให้ประเทศได้บริหารราชการต่อไป
“ ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่เราควรยุติความขัดแย้งแล้วหาทางไปสู่ความสันติ ซึ่งในเรื่องสงครามการต่อสู้มี 2 แบบ คือ 1 .ฝ่ายมีกำลังไปโจมตีฝ่ายอ่อนแอและบังคับให้ปฏิบัติตาม 2. มีกำลังทัดเทียมกันใช้กำลังเผชิญหน้ากัน ยึดครองเจรจาเพื่อการต่อรอง แต่ถ้าต่อรองไม่ได้ก็ต้องอาศัยคนกลางมาช่วยเพราะเรามีประเทศเป็นเป้าหลักที่ทำให้เกิดผลกระทบทางสังคม เศรษฐกิจเราจึงจำเป็นต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียควรใช้การเจรจาเพื่อหาทางออก พร้อมกับดูแลเรื่องการปฏิรูปประเทศควบคู่ไปกับการบริหารประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงต่อไปซึ่งจะทำให้เกิดผลดีต่อภาพรวม ยุติความขัดแย้ง ยุติการใช้วาทกรรมที่เสียดสีหรือทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นกลุ่ม ช่วยกัน และสร้างสรรค์ประเทศให้เดินหน้าต่อไป ” ผบ.ทอ.กล่าว
เมื่อถามว่า มีการเสนอให้กองทัพเป็นคนกลางเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า หากทำได้ก็เกิดผลดีกลับประเทศชาติในทุกด้านไม่ใช่เฉพาะทหาร ใครก็ตามที่ได้รับการประสานให้มาเป็นคนกลางก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ทั้งนี้เชื่อว่าทุกคนมีเป้าหมายเพื่อประเทศชาติและส่วนรวม ถ้าเรายอมลดทิฐิยอมเสียสละบางส่วน คนที่มีอำนาจหรือมีบทบาท ยอมลดอำนาจบทบาทลงบ้างใครมีอำนาจมากก็ลดมาก ใครมีอำนาจน้อยก็ลดน้อย เพื่อให้กลับมาอยู่จุดสมดุลการเสียสละอย่างนี้น่าจะเป็นประวัติศาสตร์จารึกได้ว่าเป็นผู้ที่เสียสละในลักษณะของวีรบุรุษ และวีรสตรีก็ได้ในอนาคต เชื่อว่า ทุกคนมีเจตนาดีกับประเทศไทยถ้าทุกคนเห็นเป้าหมายร่วมกัน และปรับแนวทางมาสู่จุดสมดุลก็จะเริ่มต้นการเจรจาไปสู่หนทางออกของประเทศชาติต่อไป
“ ในตัวบุคคลทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ต่างมีบทบาทสูงจึงน่าจะมีกลไกลในการเจรจา เพื่อหาทางออกอย่างสันติวิธีแต่ขึ้นอยู่กับว่า จะใช้กลไกล วิธีการหรือกลุ่มบุคคลใดแต่สุดท้ายการเจรจาจะดีที่สุด เราต้องมองภาพ ว่า หากเราไม่เจรจาแล้วเกิดความสูญเสียจะเป็นอย่างที่ผมยกตัวอย่าง คือ สงครามผู้มีอำนาจ ใช้กำลังกับผู้ไม่มีอำนาจ เมื่อชนะแล้วก็บังคับ ซึ่งปัจจุบันไม่มีใครต้องการ กับกรณีที่มีอำนาจทั้งสองฝ่าย เมื่อมาเจอกันแล้วหยุดเพื่อเจรจาให้เกิดความสันติถือว่า เป็นหนทางที่ดีที่สุด ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะต้องเสียสละลดทิฐิ หวังว่าเราจะได้มีความสุขในวันสงกรานต์ที่เป็นขึ้นปีใหม่ไทยและคงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอยเหมือนช่วงเม.ย.ปี53 ” ผบ.ทอ.กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่านายกฯ ควรลาออกเพื่อจะได้เป็นวีรสตรี และนายสุเทพ ควรยุติการชุมนุมจะได้เป็นวีรบุรุษพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคนว่าส่วนใดที่จะสามารถลดทิฐิลงได้หรือส่วนใดที่จะเสียสละได้ เรื่องนี้ตนไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจะแค่ไหนอย่างไร เพราะไม่มีข้อมูลหรือบทบาทสำคัญ ตนให้ข้อมูลในฐานะประชาชนคนหนึ่งเมื่อถามว่ามีคนเสนอให้ผบ.ทอ. เป็นนายกฯคนกลาง พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า “คงเป็นไปไม่ได้ เอาข่าวมาจากไหน เพราะยังมีบุคคลอื่นที่มีบทบาทสำคัญกว่าผม เช่น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
ขอบคุณข่าวจาก