"ช่อง 11"ปะทะ "กกต.สมชัย"ก่อนกรณีเชิญผู้สมัคร"ส.ส.เพื่อไทย"จ้อกลางอากาศ!
“…ทีนี้พอผู้ใหญ่ทราบว่าเป็น “กกต.รายนั้น” ซึ่งเขาเพิ่งเล่นงานนายกรัฐมนตรีไปแหมบ ๆ เนื่องจากนายกฯไปออกแถลงข่าวออกทีวีพูลเรื่องจำนำข้าว ผู้ใหญ่ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะให้ออก ซึ่งตอนนั้นช่อง 11 ก็ตกใจเหมือนกันว่าถ้าทำอย่างนั้นไม่เป็นผลดีแก่ช่องแน่นอน เหมือนกับว่าถ้าเรายอมให้เขาออกทุกอย่างก็จบ ความร้อนแรงก็จะลดลง…”
“ช่อง 11” ตกเป็นเป้าของสังคมอีกครั้งหนึ่ง!
เมื่อ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฝ่ายกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ออกมาประกาศว่า เตรียมชงเรื่องปมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำนวน 16 คน ที่พาเหรดกันไปพูดออกอากาศใน 3 รายการของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) กรมประชาสัมพันธ์ เข้าที่ประชุมในวันที่ 27 มีนาคม 2557 เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายหาเสียง ซึ่งส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. ตามมาตรา 60 นั้น
หากย้อนกลับไปดูข้อมูลก่อนหน้านี้ ช่อง 11 ถูกกังขาในเรื่องการทำหน้าที่ เป็นกระบอกเสียง แทนรัฐบาล มาแต่ไหนแต่ไหน เพราะสถานะของช่อง 11 คือ สื่อภายใต้สังกัดรัฐบาล
ขณะที่ กกต.ชุดปัจจุบัน ก็เคยมีการเชิญตัว อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์และผู้อำนวยการสถานีช่อง 11 ไปพบเพื่อให้รับปากว่าต้องนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลางมาแล้ว !
ขณะที่คนในช่อง 11 ก็พยายามที่จะออกมาส่งสัญญาณให้สังคม ทราบว่า เบื้องหลังของเรื่องนี้ เกิดจากความไม่พอใจของ “กกต.บางคน” ที่ไม่พอใจการทำงานของช่อง 11 ที่ทำข่าวโจมตี กกต. และไม่สนับสนุนการทำงานของ กกต.
จึงจำเป็นต้อง “ลงดาบ” ให้เข็ดหลาบกันไปเสียที
โดยเชื่อมโยง กรณีการเชิญ ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย ไปออกอากาศที่ช่อง 11 มาเป็น "ช่องทาง" ในการเล่นงาน ผู้บริหารระดับสูงของช่อง 11 ด้วย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงจาก ‘เจ้าหน้าที่ระดับสูง’ ของช่อง 11 รายหนึ่ง เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เรื่องราวเริ่มจากครั้งแรกเลยที่คุณจอม เพ็ชรประดับ ผู้ดำเนินรายการ “ฟันธง” เชิญ “กกต.รายหนึ่ง” มาออกอากาศสด แต่โดนเบรกกะทันหันจากคำสั่งของ “ผู้ใหญ่” ในรัฐบาล แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร โดยต่อสายด่วนไปยัง ผอ.สถานีฯให้ระงับการเผยแพร่ภาพรายการดังกล่าวในทันที”
นี่คือคำยืนยันจากปากของเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายนี้
ก่อนจะเล่าต่อไปว่า ตลอดเวลาที่ทำงาน ผอ.สถานีฯ จะต้องเป็นคนโทรศัพท์ไปบอก “ผู้ใหญ่” ในรัฐบาลเสมอว่าคนที่จะมาออกอากาศในรายการฟันธง และรายการถอดสลักข่าวคือใคร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ว่าจะอนุญาตให้บุคคลนั้นออกอากาศหรือไม่
“ทีนี้พอผู้ใหญ่ทราบว่าเป็น “กกต.รายนั้น” ซึ่งเขาเพิ่งเล่นงานนายกรัฐมนตรีไปแหมบ ๆ เนื่องจากนายกฯไปออกแถลงข่าวออกทีวีพูลเรื่องจำนำข้าว ผู้ใหญ่ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะให้ออก ซึ่งตอนนั้นช่อง 11 ก็ตกใจเหมือนกันว่าถ้าทำอย่างนั้นไม่เป็นผลดีแก่ช่องแน่นอน เหมือนกับว่าถ้าเรายอมให้เขาออกทุกอย่างก็จบ ความร้อนแรงก็จะลดลง”
เจ้าหน้าที่รายนี้ เล่าบรรยากาศขณะนั้นว่า อีก 5 นาทีกำลังจะเข้ารายการ ก็มีสายด่วนจาก ผอ.สถานีฯ บอกว่าให้ระงับการถ่ายทอดสดรายการดังกล่าว และนำเทปม้วนต่อไปซึ่งควรจะออกตอนเวลา 21.00 น. มาฉายแทน
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว “กกต.รายนั้น” ก็เลยโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเลยว่า การกระทำดังกล่าว ผอ.สถานีฯ และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ละเว้นการทำหน้าที่ของสื่อ ก็เลยเป็นสาเหตุตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาว่า พอช่อง 11 นำเสนออะไรที่กระทบกระเทือน กกต. เขาก็จะให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในเชิงว่าช่อง 11 เอนเอียงทันที”
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมานานหรือยัง เจ้าหน้าที่รายนี้ กล่าวว่า เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม หลังยุบสภาไม่นาน โดยขณะนั้นคุณจอมจะเชิญเขามาพูดเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส. แต่คนของฝ่ายรัฐบาลสั่งเบรกเสียก่อน
“เขาก็เลยรู้สึกไม่พอใจ และโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเชิงตัดพ้อว่า เขาอุตส่าห์ยกเลิกไม่ไปให้สัมภาษณ์ช่องเนชั่นทีวีนะ ทั้งที่ช่องเนชั่นทีวีออกอากาศก่อนช่อง 11 ด้วย แต่กลับต้องมารอเสียดึกดื่น และพอมาแล้วก็ไม่ได้ออกอีก ทำให้เขาต้องเสียเครดิตกับเนชั่นทีวีที่ขอยกเลิกการให้สัมภาษณ์”
เจ้าหน้าที่รายนี้ เล่าต่อว่า ตอนนั้นเจ้าหน้าที่สถานีฯต่อรองว่า ขอให้บันทึกเทปไว้ได้ไหม เพื่อที่จะออกอากาศทีหลัง แต่เขาบอกว่า “ไม่ได้ เชิญผมมาพูดสด ก็ต้องสด ถ้าเป็นเทปแล้วคุณไปตัดต่อคำพูดแก้ไขผม ผมจะรู้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นต้องออกอากาศสดเลย”
“เมื่อทำตามข้อเรียกร้องเขาไม่ได้ เขาก็เลยโกรธ หลังจากนั้นเขาก็เชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กับผอ.สถานีฯไปชี้แจงเรื่องผังรายการ 2 – 3 ครั้ง แต่อธิบดีกับผอ.ไม่ยอมไป จนกระทั่งเขาจะใช้กฎหมายเอาเรื่อง ทั้ง 2 คนเลยต้องยอมไปชี้แจง”
เจ้าหน้าที่รายนี้ ระบุว่า เมื่ออธิบดี กับผอ.สถานีฯไปที่นั่น เขาก็ให้รับปากว่าในการทำเนื้อหาจะต้องไม่พาดพิง กกต.ให้เสียหาย เพราะในข่าวเราบางข่าวมีเนื้อหาที่พูดเรื่องจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ที่รัฐบาลยังกู้เงินจำนำข้าวไม่ได้เป็นเพราะ กกต.ยังไม่อนุมัติ
“เขาก็เลยโกรธใหญ่ว่า ในการอนุมัติไม่ใช่หน้าที่ของเขา เขามีหน้าที่ให้ความเห็นชอบว่า รัฐบาลทำได้หรือไม่ได้ แต่ช่อง 11 เอาไปออกอย่างนี้ทำให้ กกต.เสียหาย เขาก็ตำหนิมาที่อธิบดีกับผอ.สถานีฯ และให้รับปากว่าจะไม่ทำอะไรให้ กกต.เสียหายอีก และเวลาเชิญแขกก็ให้มีความสมดุล ให้เชิญทุกฝ่าย ทั้งอดีตฝ่ายค้านและรัฐบาล ไม่ใช่เชิญรัฐบาลเพียงอย่างเดียว”
“อย่างไรก็ตาม พอเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมาอีก เขาก็คิดว่าพวกเรา (ช่อง 11) ไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้ เขาก็เลยจะเอาเรื่องอีก”
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ฝ่ายกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
โดย นายสมชัย ยอมรับว่า “กกต.บางคน” ที่เจ้าหน้าที่ช่อง 11 ระบุนั้นหมายถึงตนเองแน่นอน จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้
“เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช่เรื่องสาระ เพราะเรื่องดังกล่าวเล็กนิดเดียว แต่สาระคือก่อนหน้าที่เขานำคนของพรรคเพื่อไทยมาออกรายการเยอะ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ กกต. ต้องตรวจสอบ และแม้ผมจะออก หรือไม่ออกรายการ ก็ไม่เกี่ยวกันแต่อย่างใด”
นายสมชัย ยังเล่าเหตุการณ์วันดังกล่าวให้ฟังว่า วันนั้น คุณจอม เพชรประดับ พิธีกรรายการ “ฟันธง” โทรศัพท์หาตนเมื่อเวลา 18.30 น. และบอกว่าเวลาประมาณ 20.30 น. จะมีรายการของเขาที่อยากให้พูด ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าประเด็นอะไรบ้าง แต่เป็นรายการสด และความจริงขณะนั้นตนอยู่บ้านแล้ว แต่บ้านอยู่ใกล้กับช่อง 11 เลยรับปากว่าจะไปออก
“พอรับปากแล้ว ก็เดินทางไปถึงช่อง 11 ก็เจอคุณจอมมานัดหมายรายละเอียด เจอผู้อำนวยการสถานีช่อง 11 มาต้อนรับนิดหน่อย หลังจากนั้นก็แต่งหน้า เข้าสตูดิโอประมาณ 20.00 น. เหน็บไมค์เรียบร้อย เตรียมออกอากาศสด”
“แต่คุณจอมกลับพูดกับผมว่า รายการนี้ขอเป็นรายการบันทึกเทป ผมก็ถามว่าทำไมบันทึกเทป เขาก็บอกสาเหตุว่า เมื่อสักครู่มีการสั่งจากทางผู้บริหารช่อง 11 ว่า ขอให้สลับรายการหน่อย ให้นำรายการที่จะออกช่วง 21.00 น. ซึ่งสำคัญมากมาออกก่อน และย้ายรายการนี้ไปตอน 21.00 น. แทน”
นายสมชัย เห็นถึงความผิดสังเกตในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเพิ่งมาบอกกะทันหัน จึงบอกกับคุณจอมไปว่า “ไม่เป็นไร หากมีรายการสำคัญที่ต้องออกตอน 20.30 น. ก็นำออกก่อนได้ไม่มีปัญหา แต่เวลา 21.00 น. ตนก็ขอออกอากาศสดเหมือนเดิม”
นายสมชัย เล่าอีกว่า เมื่อผมพูดไปอย่างนั้น คุณจอมเขาก็ยึกยักนิดหน่อย บอกกับตนว่า อยากกลับบ้านก่อน เนื่องจากไม่อยากกลับบ้านดึกจนเกินไป ตนก็บอกไปว่าอีกแค่ครึ่งชั่วโมงจะดึกอะไร และปกติก็กลับบ้านดึกทุกวันอยู่แล้ว และตนก็ขอยืนยันจะขอออกอากาศสดตอน 21.00 น. เหมือนเดิม
“รายการฟันธงเป็นรายการออกอากาศ “สด” มาตลอด ไม่เคยเป็นบันทึกเทปมาก่อน”
“หลังจากนั้นภายในสตูดิโอก็เกิดอาการวุ่นวายพอสมควร มีเจ้าหน้าที่เดินเข้าออกค่อนข้างบ่อยเพื่อไปประสานงานกับหัวหน้าว่า กรณีอย่างนี้เป็นไปได้หรือไม่”
ทั้งนี้ นายสมชัย ระบุว่า ท้ายสุดเจ้าหน้าที่ก็มาบอกตนประมาณเวลา 20.45 น. ว่าในเวลา 21.00 น. ก็ไม่สามารถออกรายการสดได้ ต้องบันทึกเทปรายการอยู่ดี
“ผมก็ถามกลับไปว่า ถ้าบันทึกเทป มั่นใจหรือว่าจะได้ออก เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่มั่นใจ”
นายสมชัย จึงกล่าวกับเจ้าหน้าที่ไปว่า หากไม่มั่นใจ ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตกลับบ้าน เพราะไม่รู้สึกว่าจะพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้ และได้ถามเจ้าหน้าที่ไปว่า เพราะอะไรถึงจำเป็นต้องบันทึกเป็นเทป
“เขาก็บอกว่า เนื่องจาก ผอ.ช่อง 11 เกรงว่าเนื้อหาที่จะพูดจะกระทบต่อรัฐบาล จึงสั่งให้งดออกอากาศสด”
นายสมชัย ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ใส่ใจมากนัก นอกจากนี้แม้จะออกรายการสด หรือบันทึกเทป ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเวลาไปออกรายการอื่นก็เป็นบันทึกเทป
“เพียงแต่ผมรู้สึกว่ารายการฟันธง ตอนติดต่อผมบอกว่าออกอากาศสด แต่พอเปลี่ยนมาเป็นบันทึกเทป ก็ไม่มั่นใจว่าจะตัดต่อคำพูดของผมไปอย่างไรบ้าง ก็เท่านั้น”
ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่มาผูกใจเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สะท้อนความไม่เป็นอาชีพของผู้บริหารช่อง 11 และเป็นเรื่องของการเกรงอิทธิพลทางการเมือง เกรงใจฝ่ายการเมือง จนกระทั่งขาดความเป็นมืออาชีพในการทำงานสื่อ
ทั้งหมดนี้คือ ข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังจาก ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ราย ในสาเหตุที่ว่า ทำไม “กกต.” ถึงออกมาเคลื่อนไหวอย่างจริงจังกับกรณีดังกล่าว
ที่น่าสนใจคือ ท้ายสุดแล้ว "ดาบ" จะ "ฟัน" ลงที่ช่อง 11 ด้วยหรือไม่ ?
ต้องไปลุ้นในวันที่ 27 มีนาคมนี้ !