พล.ท.วลิต โรจนภักดี จ่อนั่งแม่ทัพภาค 4 คนใหม่
คณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลที่มีนายกฯยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน ไฟเขียว "พล.ท.วลิต โรจนภักดี" นั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 แทน พล.ท.สกล ชื่นตระกูล ที่ขยับไปครองอัตราพลเอกก่อนเกษียณ เผยเป็นการแต่งตั้งตาม "สัญญาใจ" และแก้ปัญหาการเมืองที่กดดันกองทัพ ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ ประกบยิง "สิบโท" ดับคาถนน แฟนสาวบาดเจ็บ
การประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ซึ่งมี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มี.ค.57 นั้น ได้มีการพิจารณาบัญชีรายชื่อปรับย้ายที่แต่ละเหล่าทัพจัดทำ ซึ่งเป็นบัญชีปรับย้ายวาระกลางปี 2557
ทั้งนี้ การปรับย้ายดังกล่าวถือเป็นการปรับเล็ก แต่ละเหล่าทัพมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นการปรับให้นายทหารยศพลโทที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือน ก.ย.นี้ ขึ้นไปดำรงตำแหน่งในอัตราพลเอก
อย่างไรก็ดี มีตำแหน่งที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง คือ ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่ง พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพคนปัจจุบัน จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ตามธรรมเนียมขึ้นต้องขยับขึ้นเป็นพลเอก ทำให้ต้องคัดเลือกแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่
มีรายงานว่า พล.ท.สกล ได้เสนอชื่อ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 (ตท.15) ซึ่งเป็นทหารเหล่าม้าจากกองทัพภาคที่ 3 ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน โดย พล.ต.ปราการ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และเป็นนายทหารที่ได้รับการยอมรับด้านความรู้ความสามารถ
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เสนอชื่อ พล.ท.วลิต โรจนภักดี (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 เนื่องจากมีสัญญาใจกันไว้ว่าจะหาตำแหน่งแม่ทัพให้ หลังจากพลาดหวังจากตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 มาถึง 2 ครั้งซ้อน ทั้งเมื่อครั้งที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (ตท.15) ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อ ต.ค.2555 (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ทบ.) และครั้งที่ พล.ท.ธีรชัย นาควานิช (ตท.14) โยกจากตำแหน่งรองเสนาธิการทหารบก ไปนั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ปีที่แล้ว และดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับ พล.ท.วลิต เป็นนายทหารสายบูรพาพยัคฆ์ คุมกำลังภาคตะวันออก ถือเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจัดเป็นพี่ใหญ่ในสายบูรพาพยัคฆ์ที่ยังอยู่ในราชการ
พล.ท.วลิต เป็นที่รู้จักในสังคมเมื่อมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 บริเวณสี่แยกคอกวัว-โรงเรียนสตรีวิทยา และถูกระเบิดจนขาหัก ขณะที่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (ภายหลังได้รับการปูนบำเหน็จเป็นพลเอก) เสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกัน และจากเหตุการณ์นี้เองจึงกลายเป็นแรงกดดันจากกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขัดขวางไม่ให้ พล.ท.วลิต ขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ถึง 2 ครั้งในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
พล.ท.วลิต เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออก และมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่จากคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 จนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้ขยับเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ก็ถูกสกัด ต้องโยกไปเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก และแม่ทัพน้อยที่ 1 ตามลำดับ กระทั่งได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ในการปรับย้ายนายทหารกลางปี 2557
สำหรับบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล วาระกลางปี 2557 นี้ แม้จะผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องส่งรายชื่อทั้งหมดไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาด้วย เนื่องจากสถานะของรัฐบาลยังเป็นรัฐบาลรักษาการ
ยิงสิบโทดับ-แฟนสาวบาดเจ็บ
ด้านสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงรายวันอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 18.15 น.วันศุกร์ที่ 7 มี.ค.57 พ.ต.ท.พรหมพัฒน สนิทศรี รองผู้กำกับการ (รองผกก.) สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านทุ่งคอก หมู่ 3 ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุเป็นถนนเปลี่ยวสายชนบท เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปี้ไอ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กก-681 ยะลา ล้มคว่ำอยู่ ใกล้กันพบศพ ส.ท.จิรพันธ์ ปราบณรงค์ อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ที่สีข้างและคิ้วขวา ห่างกันเล็กน้อยพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 3 ปลอก และใบปลิวขนาด เอ 4 เขียนตัวหนังสือภาษาไทยสีแดงทำนองว่าทำเพื่อชาวบ้านบันนังกูแว (ในใบปลิวเขียนว่าบ้านบือนังกูแว) เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ น.ส.อารีรมย์ สมสวย อายุ 26 ปี ภรรยาของ ส.ท.จิรพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ 3 ต.ตาเซะ ชุดกู้ชีพกู้ภัยแม่กอเหนี่ยวและแม่ทับทิมยะลา นำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาไปก่อนแล้ว
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.จิรพันธ์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากตลาดนัดตอนเย็นในหมู่บ้านพร้อมกับ น.ส.อารีรมย์ ภรรยา มุ่งหน้าขึ้นไปบนถนนสันเขื่อน ระหว่างมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ พร้อมใช้อาวุธปืนจ่อยิง ส.ท.จิรพันธ์ จนเสียชีวิต ขณะที่ น.ส.อารีรมย์ ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
รวบผู้ต้องสงสัยปาบึ้มร้านก๋วยจั๊บยะลา
วันเดียวกัน กำลังผสมตำรวจ ทหาร และทหารพราน เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา และสามารถจับกุม นายรอมือลี มีซา ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจรกรรมรถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 9 ต.ค.56 จากนั้นได้คุมตัวไปซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา อ.รามัน จ.ยะลา
ต่อมา เวลาประมาณ 04.30 น.วันเสาร์ที่ 8 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองยะลา พร้อมด้วยทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมและควบคุมตัว นายซูฮัยมี อาแว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/4 หมู่ 1 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ผู้ต้องสงสัยขว้างระเบิดเข้าไปในร้านก๋วยจั๊บ เลขที่ 26 หน้าโรงเรียนผดุงประชา ถนนเทศบาล 3 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบพยานหลักฐานจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด กระทั่งพบข้อมูลป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ ทั้งนี้ตำรวจได้ส่งตัว นายซูฮัยมี อาแว ไปซักถามต่อที่ค่ายวังพญา
สำหรับ นายซูฮัยมี เคยถูกควบคุมตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังเกิดเหตุระเบิดโรงแรมและตู้เอทีเอ็มหลายจุดในเขตเทศบาลนครยะลาเมื่อปีที่แล้ว แต่เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปล่อยตัวไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่า นายซูฮัยมี น่าจะเคยร่วมก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.ยะลา มาแล้วหลายครั้ง
ปาบึ้มที่โกลก – ระเบิดที่ปาดี
วันเสาร์ที่ 8 มี.ค.เช่นกัน ช่วงเช้ามืด คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงถล่มบ้านเลขที่ 87 บ้านมือบา หมู่ 4 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากนั้นใช้ระเบิดชนิดขว้าง แบบมาตรฐาน เอ็ม 26 เอ 2 ขว้างใส่ แต่ระเบิดไม่ทำงาน ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม.จำนวน 20 ปลอก แกลลอนน้ำมัน 2 แกลลอนตกอยู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าเจ้าของบ้านมีอาชีพส่งผักขายฝั่งมาเลเซีย ไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร จึงอาจเป็นการก่อเหตุผิดบ้าน
ที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เวลา 10.30 น.เกิดระเบิดบริเวณท่อระบายน้ำข้างเสาไฟฟ้าบ้านตลาดล่าง เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่คนร้ายวางดักไว้เพื่อโจมตีรถของเจ้าหน้าที่ แต่เกิดความผิดพลาด ทำให้เกิดระเบิดและไม่ได้ทำอันตรายผู้ใด
เวลา 11.05 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นไทรทัน สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นางรอยดา แวนูเซ็ง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/1 หมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณสามแยกบ้านบาซากะจิ หมู่ 2 ต.กระโด อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะที่นางรอยดานั่งในรถยนต์เก๋งส่วนตัวมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 โดยมีสามีเป็นคนขับ กำลังมุ่งหน้าไปบ้านของสามีที่บ้านม่วงหวาน ต.สาคอบน อ.มายอ จ.ปัตตานี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพ พล.ท.วลิต โรจนภักดี (สมัยครองยศ พลตรี) จากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ