ความรุนแรงไม่ก่อประโยชน์ให้ใคร...บทเรียนเหยื่อไฟใต้ทุกศาสนา
เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้มีเรื่องราวสะเทือนใจเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ที่ชายแดนใต้ เริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 3 ก.พ. เกิดเหตุร้ายกับครอบครัว "มะมัน" ที่ต้องสูญเสียลูกชายทั้ง 3 คนไป ได้แก่ ด.ช.มูยาเฮด มะมัน อายุ 11 ปี ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี และ ด.ช.อิลยาส มะมัน อายุ 6 ปี ที่บ้านในหมู่บ้านปะลุกาแปเราะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 9 ก.พ. คนร้ายก่อเหตุยิง ว่าที่ ร.ต.หญิงเบญจพร เกื้อทุ่ง อายุ 29 ปี ภรรยาของ จ.ส.ต.ณรงค์ศักดิ์ เกตุแดง ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะไปซื้อกับข้าวบริเวณสี่แยกตลาดนัด บ้านพังกลับ หมู่ 3 ใกล้กับ อบต.ราตาปันยัง จากนั้นจุดไฟเผา โดยหลังก่อเหตุได้ทิ้งใบปลิวเขียนข้อความอ้างล้างแค้นเหตุสังหารเด็ก 3 ศพที่ อ.บาเจาะ
12 ก.พ. คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง น.ส.ศยามล แซ่ลิ่ม อายุ 29 ปี พนักงานเอาท์ซอร์สของธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยถนนหนองจิก จ.ปัตตานี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 บ้านข่า หมู่ 5 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านเพียงลำพังหลังเสร็จจากงาน โดยคนร้ายได้ยิงและจุดไฟเผาร่างซ้ำ เหตุเกิดในท้องที่บ้านโต๊ะตีเต ต.ตันหยงจึงงา อ.ยะหริ่ง เช่นกัน
13 ก.พ. คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ประชาชนที่กำลังใส่บาตรพระวัดป่าสวย ที่ศาลาบ้านใหม่ หมู่ 1 ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทำให้พระและชาวบ้นเสียชีวิต 4 ราย สองใน 4 เป็นแม่ลูกกัน และยังมีตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยพระ (รปภ.พระ) กับชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีกร่วม 10 คนด้วย
22 ก.พ. คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงเข้าไปในเพิงรับซื้อน้ำยางพารา ริมถนนใน อ.กาบัง จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 2 ราย และมีเด็กวัย 6 ขวบได้รับบาดเจ็บ
23 ก.พ. คนร้ายบุกสังหาร นายดอเลาะ ผดุง และ นางมารีแย ผดุง สามีภรรยาวัยเกิน 60 ปี ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ในบ้านในหมู่บ้านบันนังกูแว ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต จากนั้นได้จุดไฟเผารถยนต์และบ้านซ้ำ
จนถึงขณะนี้ยังไม่หมดเดือน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงน่าจะยังไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้าย...
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ ได้ไปเยี่ยมอาการและใหกำลังใจผู้บาดเจ็บจากเหตุรุนแรงดังกล่าวทุกกลุ่ม ทุกศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เริ่มจาก นางพาดีละห์ แมยู มารดาของเด็กชายสามพี่น้องที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.บาเจาะ เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุการณ์เดียวกันทั้งๆ ที่ตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน หลังเกิดเหตุเธอเข้ารับการผ่าตัดเสริมเหล็กให้กระดูกข้อต่อแขนขวาประสานกัน แต่ยังต้องพักรักษาตัวและทำกายภาพบำบัดอีกนับเดือน โชคดีที่ลูกในครรภ์แข็งแรงปลอดภัย โดยมี นายเจะมุ มะมัน สามี คอยดูแลอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของคดีที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิตถึง 3 คน นายเจะมุ กล่าวว่า อยากให้มีความชัดเจนโดยเร็ว ขณะนี้รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกบความล่าช้าเรื่องการพิสูจน์หลักฐาน เพราะต้องการให้เกิดความกระจ่างว่ากลุ่มไหนทำ ใครถูกใครผิด เรื่องที่ทางจังหวัดจ่ายเงินเยียวยามานั้น ไม่ได้คุ้มกับการที่ต้องเสียลูกไปถึง 3 คน แต่ถ้าไม่รับไว้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่ยังเหลืออยู่
"บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านของภรรยา หลังออกจากโรงพยาบาลเราจะย้ายไปอยู่บ้านของผมในอีกตำบลหนึ่ง เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า มีเพื่อนบ้านอยู่ใกล้ๆ ทางผู้การนราธิวาส (พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส) ถามว่าจะให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรักษาความปลอดภัยหรือเปล่า ผมบอกเขาว่าไม่ต้อง ถ้าจะให้ผมปลอดภัยจริงก็ขอปืนสั้นสักกระบอกก็พอ ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว"
ส่วนที่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ ที่ตั้งขึ้นโดยสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) โดยได้สรุปเบื้้องต้นมุ่งไปที่ประเด็นการล้างแค้นส่วนตัวนั้น นายเจะมุ บอกว่า ในคืนเกิดเหตุ เมื่อมีเสียงปืนดังขึ้น ก็ได้วิ่งหนีและไม่เห็นใคร เพราะคิดว่าคนร้ายคงจะทำตนคนเดียว ไม่คิดว่าจะทำกับบุตรและภรรยาขนาดนี้
"คืนนั้นมีไฟเปิดหลายดวง ภรรยาบอกว่าเห็นคนที่ขึ้นมาบนบ้าน 3 คน ใส่ชุดดำคล้ายชุดของทหารพราน รองเท้าคอมแบท พูดภาษาไทย แต่ไม่ได้เจาะจงสงสัยว่าเป็นใคร เพราะอัลลอฮ์ห้ามสงสัย ซึ่งคงพิสูจน์ไม่ชัดว่าใครทำ ก็ต้องรอพิสูจน์ความจริงต่อไป"
ส่วนเหตุการณ์ร้ายที่เกิดกับพี่น้องไทยพุทธภายหลังเหตุรุนแรงที่เกิดกับครอบครัวของเขานั้น นายเจะมุยอมรับว่ารู้สึกกังวลไม่น้อย
"กลัวถูกคิดว่าเราอยู่ในเรื่องราวหรือมีส่วนทำให้เกิดเหตุนั้นด้วย ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ก่อเรื่องกันก็ไม่มีวันจบสิ้น" เขากล่าว
ด้าน นางคล้าว หลักทรัพย์ อายุ 75 ปี ยังต้องนอนรอการผ่าตัดและพักฟื้นที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เหมือนกัน ยายคล้าวได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงขณะนั่งใส่บาตรที่ อ.แม่ลาน กระสุนเจาะเข้าที่คอ ทำให้กระดูกคอร้าวไปสองข้อ ลามไปถึงไหล่ซ้าย ขยับแขนซ้ายไม่ได้ กระสุนอีกนัดหนึ่งฝังที่สะโพกขวา แต่ยายคล้าวยังมีกำลังใจดีมาก
"วันนั้นใส่บาตรเสร็จ นั่งรับพรอยู่ เห็นเขาขี่มอเตอร์ไซค์มา 2 คัน 4 คน ลงมาก็กราดยิงเลย โดนเข้าสองนัด ต้องดูอาการอย่างไม่มีกำหนด มานอนอยู่อย่างนี้ขัดใจเพราะไม่ได้ทำงาน ยังทำสวนยางไหวอยู่ สงสารลูกที่ต้องผลัดมาดูแลด้วย เพราะโรงพยาบาลห่างจากบ้านมาก แต่กำลังใจยังดี และไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก"
เช่นเดียวกับ นายปริภัทร กูลณรงค์ อายุ 24 ปี ที่ถูกยิงในเหตุการณ์เดียวกัน เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กำลังจะไปสอบ แต่มาเกิดเรื่องร้ายเสียก่อน เขาถูกยิงเข้าที่แก้มขวาและแขนขวา ใบหน้ายังบวม ต้องรอเข้ารับการผ่าตัดและรอให้กระดูกเชื่อมต่อกันเพราะกระดูกบางส่วนหายไป
ลูกพี่ลูกน้องที่มาช่วยดูแลปริภัทรบอกว่า "พ่อกับแม่ของเขารับจ้างกรีดยาง หวังให้เขาได้มีงานทำเมื่อเรียนจบในเทอมนี้เพราะเป็นลูกคนโต แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน อยากให้รัฐช่วยเหลือเมื่อเขาเรียนจบ ให้ได้มีงานทำ ส่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นก็ไม่รู้จะไปหาคนผิดจากที่ไหน ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ก็แล้วกัน และอยากขอร้องว่าอย่าให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นอีกเลย"
ถ้อยคำภาวนาเช่นนี้กลายเป็นประโยคที่ครอบครัวผู้สูญเสียมักพูดซ้ำๆ จนหลายคนคงชาชิน แต่มันได้สะท้อนให้เห็นว่าความรุนแรงไม่ได้ก่อประโยชน์ให้กับใครเลย ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ความเชื่อแบบไหน และจะไม่มีใครหรือฝ่ายใดได้รับชัยชนะบนซากศพและคราบน้ำตาของผู้คน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : รวมภาพบรรยากาศเยี่ยมอาการผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรุนแรงทุกศาสนาในเดือนกุมภาพันธ์ 2557