บึ้มนราฯหลายจุด-เสาไฟฟ้าโค่น ดักระเบิดซ้ำ "อีโอดี-นักข่าว" เจ็บ
คนร้ายตระเวนโจมตีฐานทหาร-กดบึ้มหลายจุดกลางดึกในนราธิวาส "บาเจาะ-ยี่งอ" เสาไฟฟ้าโค่นหลายต้น รุ่งเช้าเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบ เจอระเบิดซ้ำ นักข่าวเจ็บระนาว 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นทีมข่าวอิศรา เผยเหยี่ยวข่าวสาวเหยื่อบึ้มเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บเหตุป่วนระแงะเมื่อ ต.ค.ปีที่แล้ว กลุ่มก่อความไม่สงบลุยหนักต่อเนื่อง ดักบึ้มทหารเจ็บ 3 ที่บันนังสตา ยิงตำรวจดับที่ทุ่งยางแดง
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงปั่นป่วนและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 18 ก.พ.57 ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน ได้เข้าตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ในถังแก๊ส น้ำหนัก 20 กิโลกรัม จนเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้เสาไฟฟ้าริมถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 ปัตตานี-นราธิวาส) ช่วงรอยต่อบ้านยาโงะกับบ้านบูเก๊ะบากง หมู่ 3 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ หักโค่น เหตุเกิดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 ก.พ.นั้น
ปรากฏว่าช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติงาน ได้เกิดระเบิดซ้ำอีก 1 ครั้ง ทำให้มีผู้สื่อข่าวได้บาดเจ็บจากแรงอัดของระเบิดรวม 4 ราย ประกอบด้วย นางสาวสัญฐิติ ขอจิตต์เมตต์ ผู้สื่อข่าวเครือเนชั่น น.ส.ปทิตตา หนูสันทัด ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เนชั่น และศูนย์ข่าวอิศรา น.ส.มูรนี มามะ ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สยามรัฐ และ น.ส.สลิกกา ว่องไว ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อย่างไรก็ดี ทั้งหมดอาการไม่สาหัส ส่วนใหญ่แน่นหน้าอกจากแรงกระแทกของระเบิด และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบาเจาะ จ.นราธิวาส ก่อนจะย้ายไปพักฟื้นและสังเกตอาการที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมืองนราธิวาส
สำหรับ น.ส.สัญฐิติ น.ส.ปทิตตา และ น.ส.มูรนี เพิ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะติดตามเจ้าหน้าที่เข้าไปรายงานข่าว เมื่อ 19 ต.ค.56 ที่ผ่านมานี้เอง โดยทั้งคู่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่นาน และยังมีอาการแทรกซ้อนอันเป็นผลพวงจากระเบิดด้วย
ระวังตัวแล้วแต่ก็ยังโดน
น.ส.สัญฐิติ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ผู้สื่อข่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง กล่าวว่า ได้ติดตามภารกิจของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิดตามปกติ หลังจากที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา โดยทุกคนที่เข้าพื้นที่ได้พยายามระมัดระวังตัว แต่เนื่องจากคนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี ซุกซ่อนระเบิดไว้หลายจุดเพื่อหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทำให้ผู้สื่อข่าวที่เข้าไปบันทึกภาพได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากแรงกระแทกของระเบิด
"พวกเราผู้สื่อข่าวก็พยายามอยู่ในจุดที่เชื่อว่าปลอดภัยระดับหนึ่ง จึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่เนื่องจากอานุภาพของระเบิดแรงมาก ทำให้ทุกคนหูอื้อและแน่นหน้าอก โดยเฉพาะน้องปทิตตา น้องมูรนี และเราเอง ยังอยู่ระหว่างการรักษากระดูกสันหลังและขาจากแรงกระแทกเดิมเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เมื่อเจอแรงกระแทกซ้ำอีกในวันนี้ ทำให้อาการเจ็บกลับมารบกวนอีก จึงต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อรอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง" น.ส.สัญฐิติ กล่าว
แผลเก่ากำเริบ
ขณะที่ น.ส.ปทิตตา กล่าวว่า ได้เข้าไปเก็บภาพเจ้าหน้าที่กู้ระเบิด โดยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร และหลบอยู่ด้านหลังรถตัดสัญญาณของอีโอดี โชคดีที่ตัวรถช่วยบังสะเก็ดระเบิดไว้ได้ แต่เศษกระจกที่แตกก็ตกใส่เต็มศีรษะ และเสียหลักจากแรงกระแทกที่รุนแรงมากจนล้มลงกับพื้น ทำให้มีแผลถลอกด้านหลัง ครู่ต่อมาพบว่าขาด้านขวาเริ่มชาและอ่อนแรง จึงขอให้เจ้าหน้าที่่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล
"เหตุระเบิดครั้งที่แล้วทำให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ส่งผลให้ขาขวาอ่อนแรง แพทย์ให้ใช้ไม้เท้าค้ำยันเวลาเดินมาระยะหนึ่ง ก่อนตัดสินใจวางไม้เท้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะอาการเริ่มดีขึ้น และออกทำข่าวปกติ แต่ก็ยังพบแพทย์เป็นประจำ และในวันที่ 23 ก.พ.นี้ แพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) ได้นัดตรวจอาการ แต่ก็ต้องมาเจอผลกระทบจากระเบิดรอบนี้อีก ยังไม่ทราบว่าแพทย์จะวินิจฉัยให้ผ่าตัดหรือไม่ ที่ผ่านมาไม่อยากผ่าตัดเพราะรู้สึกกลัว" น.ส.ปทิตตา ระบุ
ดักโจมตีซ้ำที่ยี่งอไร้เจ็บ
กระนั้นก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บทุกรายยืนยันว่าขวัญกำลังใจยังดีอยู่ เมื่อหายจากอาการบาดเจ็บก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้สื่อข่าวต่อไป
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว เวลาประมาณ 15.12 น. ยังเกิดเหตุคนร้ายวางวัตถุต้องสงสัย และลอบวางระเบิดซ้ำเจ้าหน้าที่ทหารกับชุดอีโอดี บริเวณจุดกลับรถบ้านกูยิ บนถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเมืองนราธิวาส ท้องที่ หมู่ 2 ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ ด้วย โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นตัวผู้ต้องสงสัยกดระเบิด และพยายามติดตามจับกุม แต่ผู้ต้องสงสัยวิ่งหลบหนีไปได้
ซุ่มปะทะทหาร 2 จุดที่รือเสาะ
สำหรับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ 17 ก.พ.จนนำมาสู่เหตุระเบิดในวันอังคารที่ 18 ก.พ.เพื่อดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ และมีผู้สื่อข่าวได้รับบาดเจ็บนั้น มีหลายเหตุการณ์ในหลายพื้นที่ เริ่มจากเวลา 21.30 น. ทหารสังกัดหมวดปืนเล็กที่ 4 กองร้อยทหารราบที่ 15131 (มว.ปล.ที่ 4 ร้อย ร.15131) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 (ฉก.นราธิวาส 30) ซึ่งเป็นชุดลาดตระเวนรอบฐาน ได้เปิดฉากยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัยที่ซุ่มอยู่บริเวณสามแยกเปาะรามะ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไม่มีรายงานความสูญเสีย
จากนั้นเวลา 21.40 น. เกิดเหตุลักษณะเดียวกันที่ มว.ปล.ที่ 3 ร้อย ร.15131 บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ ตรงข้ามสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สุวารี หมู่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ปูพรมระเบิด"บาเจาะ-ยี่งอ"
23.30 น. คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ฐานปฏิบัติการบ้านอีโย๊ะ มว.ปล.ที่ 3 ร้อย ปล.ที่ 1 ฉก.นราธิวาส 32 ตั้งอยู่ที่ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส คาดว่ายิงจากสนามฟุตบอลตรงข้ามฐานปฏิบัติการ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้จนคนร้ายล่าถอยไป
23.30-23.45 น. คนร้ายลอบวางระเบิดที่ อ.บาเจาะ และ อ.ยี่งอ หลายจุด ได้แก่ ฐานปฏิบัติการหมวดปืนเล็กที่ 1 ร้อยปืนเล็กที่ 4 ฉก.นราธิวาส 32 ตั้งอยู่ในวัดยี่งอ บ้านบูแม หมู่ 1 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ คนร้ายนำระเบิดไปซุกในถังขยะแล้วจุดชนวนระเบิด, วางระเบิดบริเวณหน้า อบต.ตะปอเยาะ ต.ตะปอเยาะ อ.ยี่งอ ทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น 1 ต้น และวางระเบิดในเขตเทศบาลตำบลบาเจาะ ทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น 4 ต้น
ยิง 3 ศพคารถที่ยะรัง
เวลา 00.30 น.วันที่ 18 ก.พ. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถกระบะเป็นพาหนะ ใช้อาวุธสงครามยิงใส่รถเก่งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีดำ หมายเลขทะเบียน กข 4382 เบตง ทำให้ นายมะซอบรี กาหลง อายุ 29 ปี อดีตทหารพราน อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 1 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิต นายยาวาลี ปาเซเลาะ อายุ 33 ปี พนักงานพัสดุ อบต.ระแว้ง อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 3 ต.สาคอบน อ.มายอ จ.ปัตตานี เสียชีวิต และ นายอาหามัดดารี พาลีเขตต์ อายุ 32 ปี 188/2 หมู่ 3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง เสียชีวิต โดยคนร้ายได้ชิงอาวุธปืนของทั้ง 3 คนที่อยู่ในรถไปด้วย
นอกจากนั้นยังมี นางต่วนลอเมาะ สาเมาะ อายุ 80 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง โดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บขณะพักผ่อนอยู่ในบริเวณบ้าน เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 บริเวณสี่แยกบ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
บึ้มทหารเจ็บ 3 - ยิงตำรวจดับ
ส่วนเหตุรุนแรงอื่นๆ ในวันอังคารที่ 18 ก.พ.นั้น เวลา 16.50 น. ขณะที่กำลังทหารสังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย ร.1734 ฉก.ยะลา 15 รับผิดชอบ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำนวน 10 นาย เดินเท้าลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู (รปภ.) ในพื้นที่ โดยมี ส.อ.ประภาวิน มานะวิริยะกุล เป็นหัวหน้าชุดนั้น เมื่อถึงทางเปลี่ยวท้องที่บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา ห่างจากฐานปฏิบัติการเพียง 500 เมตร คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ถังแก๊ส น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 15 กิโลกรัม ซึ่งวางดักไว้ริมถนน จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย ส.อ.ประภาวิน หัวหน้าชุด พลทหารพงศ์พัฒน์ ทันใจ อายุ 21 ปี และ พลทหารอนุชา จักรคำ อายุ 21 ปี
เวลา 19.00 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถยนต์เก๋งสีแดงไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนเป็นพาหนะ ขับตามประกบรถยนต์เก๋งของ จ.ส.ต.อุสมาน ดอเลาะ อายุ 24 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ช่วยราชการกองกำกับการซักถาม 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่บ้านเลขที่ 2/1 บ้านแลแวะ หมู่ 2 ต.ตะโละแมนา อ.ทุ่งยางแดง ขณะกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยใช้เส้นทางสาย 4074 กลาพอ-ทุ่งยางแดง ท้องที่บ้านแดปาลัส หมู่ 1 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่รถ ทำให้ จ.ส.ต.อุสมาน เสียชีวิตคารถ เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : เหตุระเบิดที่ทำให้เสาไฟฟ้าริมถนนล้มหลายต้นในเขต อ.บาเจาะ ต่อเนื่อง อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส