เปิดที่มา“ที่ดินธรณีสงฆ์”วัดท้ายเมือง“ตู่-จตุพร”เจรจาขาย 26 ล้าน
เปิดเอกสารความเป็นมากรณีที่ดินธรณีสงฆ์วัดท้ายเมือง ก่อนตั้ง“ตู่-จตุพร”แกน นปช.เป็นตัวแทนเจรจาเสนอขาย ให้กรมธนารักษ์สร้างสำนักงานใหญ่กองสลากฯ 26 ล้าน ก่อนบอร์ดหักเหลือ 6 ล้าน
นอกจากความเคลื่อนไหวทางการเมือง“ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์”แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตกเป็นข่าวฮือฮาอีกครั้งกรณีปรากฏชื่อในเอกสารการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นตัวแทนวัดท้ายเมือง จ.นนทบุรี เจรจาขายที่ดินธรณีสงฆ์ให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อใช้ก่อสร้างสำนักงานใหญ่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
(อ่านประกอบ: “ตู่-จตุพร”โผล่เป็นตัวแทนวัดขายที่ดิน“ธรณีสงฆ์”ให้กรมธนารักษ์ 26 ล้าน)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงความเป็นมากรณีที่ดินแปลงดังกล่าวมานำเสนอดังนี้
เอกสารรายงานการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ระบุว่า
กรมธนารักษ์โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมธนารักษ์ เสนอรองปลัดกระทรวงการคลัง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้) เรื่องการรับโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานที่ดินในท้องที่ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี รวม 56 โฉนด เนื้อที่ประมาณ 128-3-65 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์โดยไม่มีภาระผูกพันใดๆ จำนวน 53 โฉนด มีที่ดินจำนวน 3 โฉนด เนื้อที่รวม 0-2-0 ไร่ เป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างกระทรวงการคลัง นายสมปอง ประจวบเหมาะ และนางสอาดจิตต์ พาณิชวิทย์ ในส่วนของนายสมปองได้โอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนทั้ง 3 แปลงให้แก่กระทรวงการคลังแล้ว คงเหลือแต่ส่วนของนางสะอาดจิตต์ ที่นางพิรุณรัตน์ วิเศษสุรการ ผู้จัดการมรดก ประสงค์จะขายให้แก่ทางราชการในราคาตารางวาละ 35,000 บาท และที่ดินรับโอนกรรมสิทธิ์ทั้ง 56 โฉนด ได้ล้อมรอบที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดท้ายเมือง เนื้อที่ประมาณ 4-0-30 ไร่ เดิมได้มีการจัดทำสัญญาเช่าระหว่างสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กับวัดท้ายเมือง มีกำหนด ระยะเวลาเช่า 30 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2553 -19 กันยายน 2562 อัตราเช่าปีละ 1,630 บาท ซึ่งทางวัดพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้หากกรมธนารักษ์ ยินยอมจ่ายค่าผาติกรรมให้แก่วัด
กรมธนารักษ์ได้ตรวจสอบราคาประเมินที่ดิน ปี 2543-2546 ทั้ง 3 แปลง ที่นางสะอาดจิตต์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมแล้วมีราคาตางราวางละ 8,000 บาท คิดเป็นราคาที่ดินเฉพาะส่วนของนางสะอาดจิตต์ เป็นเงิน (200 คูณ 8,000 ) หาร 3 = 533,333 บาท ส่วนที่ดินธรณีสงฆ์วัดท้ายเมือง ราคาประเมินปี 2543-2546 ตารางวาละ 4,000 บาท เป็นเงินรวม 6,520,000 บาท จึงขออนุมัติซื้อที่ดินเฉพาะส่วนของนางสะอาดจิตต์ โดยให้กรมธนารักษ์ เจรจาต่อรองราคาที่ดินที่เหมาะสมกับนางพิรุณรัตน์ ผู้จัดการมรดก ขออนุมัติจัดซื้อที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดท้ายเมือง โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และเห็นควรขอรับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
รองปลัดกระทรวงการคลัง (นายอุทิศ ธรรมวาทิน) เสนอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เห็นควรอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินตามที่กรมธนารักษ์เสนอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอรัฐมนตรีว่าการกรกระทรวงการคลังพิจารณา และรัฐมนตรีว่าการกรกระทรวงการคลัง (ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ) อนุมัติในหลักการตามที่กรมธนารักษ์เสนอ
การประชุมหารือเกี่ยวกับการซื้อที่ดินวันที่ 17 มีนาคม 2548 สรุปว่า กรณีที่ดินของพิรุณรัตน์ที่ประชุมเห็นสมควรซื้อตามราคาประเมินที่ดิน ปี 2547-2550 ในอัตราสูงสุดตารางวาละ 16,000 บาท คิดเฉพาะส่วนแล้วเป็น 1,066,560 บาท
ส่วนที่ดินของวัดท้ายเมือง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้แทนวัดท้ายเมือง ได้ทำบันทึกแสดงเจตนารมณ์2 ข้อ
1.ให้ทางการชำระเงินที่ยังมีข้อผูกพันกับวัดมาแต่เดิม จำนวน 26,080 บาท ซึ่งตกลงกันไว้ตามสัญญาที่ 1/2532 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2532
2.ราคาซื้อขายเป็นไปตามราคาประเมินที่ทางราชการกำหนด เพื่อใช้ในการเรียกเก็บค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ปี 2547-2550 อัตราตารางวาละ 16,000 บาท แต่ถ้าทางราชการซื้อที่ดินของนางพิรุณรัตน์ในราคาตารางวาสูงกว่าวัดท้ายเมืองก็ขอขายในราคาต่อตารางวาเดียวกับราคาที่ทางราชการซื้อที่ดินกับนางพิรุณรัตน์ และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินขอให้ทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบทั้งสิ้น
27 พฤศจิกายน 2550 กรมธนารักษ์มีหนังสือถึงสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขอความอนุเคราะห์สนับสนุนเงินในการจัดซื้อที่ดินวัดท้ายเมือง รวม 3 รายการเป็นเงิน 26,289,320 บาท แบ่งเป็น
ค่าผาติกรรม 26,080,000 บาท
ค่าเช่าที่ดิน 20,420 บาท
ค่าตอบแทนการใช้ที่ดินเดือนละ 3,260 บาท เป็นเงิน 188,900 บาท
20 พฤษภาคม 2551 วัดท้ายเมืองมีหนังสือทวงถามค่าผาติกรรม ตามที่กรมธนารักษ์แจ้งว่าจะจ่ายให้แก่ทางวัดตั้งแต่ต้นปี 2551 ขณะที่การก่อสร้างในที่ธรณีสงฆ์ของวัดท้ายเมืองจนถึงขณะนี้ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และยื่นเงื่อนไขหากยังไม่ชำระค่าผาติกรรมภายในเดือนมิถุนายน 2551 ทางวัดจะเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินเอง หากกระทรวงการคลังประสงค์จะผาติกรรมที่ดินดังกล่าวก็จะต้องตกลงเงื่อนไขกับวัดท้ายเมืองใหม่ทั้งหมด และเมื่อพ้นเดือนมิถุนายน 2551 หากยังไม่มีขอยุติ ทางวัดจะขอให้ระงับการใช้ที่ดินธรณีสงฆ์ไว้ก่อน มิฉะนั้นจะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามกฎหมายต่อไปทันที
18 มิถุนายน 2551 คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่กรมธนารักษ์ เพื่อชำระเป็นค่าผาติกรรมและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องให้วัดท้ายเมือง เป็นเงิน 26,289,320 บาท
9 ธันวาคม 2551 คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล อนุมัติเงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ จำนวน 26,289,320 บาทให้แก่กรมธนารักษ์ เพื่อชำระเป็นค่าผาติกรรมและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องให้วัดท้ายเมือง
8 มกราคม 2552 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ แจ้งถึงการให้เงินสนับสนุนงบประมาณ เพื่อชำระเป็นค่าผาติกรรมที่ธรณีสงฆ์วัดท้ายเมือง และกรมธนารักษ์ได้ให้วัดท้ายเมืองยืนยันการรับชำระค่าผาติกรรมที่ธรณีสงฆ์ตามจำนวนเงินดังกล่าว
5 มีนาคม 2552 กรมธนารักษ์แจ้งว่า ทางวัดแจ้งยินยอมที่จะรับค่าผาติกรรม และได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมจากจำนวน 26,289,320 บาท ตามที่ตกลงกันไว้เดิม ดังนี้
1.ค่าตอบแทนการใช้ที่ดิน6 เดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2551-มิถุนายน 2551 เป็นเงิน 19,560 บาท
2.ดอกเบี้ยที่วัดท้ายเมืองพึงได้รับตั้งแต่ ม.ค.2551-มิ.ย.2551 อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงิน จำนวน 26,289,320 บาท คิดเป็นเดือนละ 163,000 บาท
รวมเป็นเงินที่ทางวัดเรียกร้องเพิ่มอีก 3,279,650 บาท
หน่วยงานที่รับผิดชอบในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มีความเห็น 3 แนวทาง
แนวทางแรก เห็นควรสนับสนุนงบประมาณ แก่กรมธนารักษ์ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยุค ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ได้อนุมัติหลักการไว้ 6,520,000 บาท
แนวทางที่สอง ยืนยันวงเงินสนับสนุน 26 ,289,320 บาท
แนวทางที่สาม งดสนับสนุนงบประมาณแก่กรมธนารักษ์เป็นค่าผาติกรรมและค่าใช้จ่ายอื่นของวัดทั้งหมด
ความเห็นของฝ่ายบริหาร สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เห็นควรงดสนับสนุนงบประมาณแก่กรมธนารักษ์เป็นค่าผาติกรรมและค่าใช้จ่ายอื่นของวัดทั้งหมด
ความเห็นของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
3 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นควรสนับสนุนงบประมาณแก่กรมธนารักษ์ 6,520,000 บาท หรือหากทางวัดไม่ขอรับเงินจำนวนนี้ก็ให้งดการให้การสนับสนุนงบประมาณแก่กรมธนารักษ์
ปัจจุบันกรณีดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติ วัดท้ายเมืองจึงยังไม่ได้รับค่าผาติกรรมธรณีสงฆ์ผืนนี้
ผู้เกี่ยวข้องจึงต้องรอลุ้นกันต่อไป