จูแวยันฆ่า 3 เด็กชายไม่ใช่ฝีมือนักรบ รัฐจ่ายเงินเยียวยา-ชี้สร้างสถานการณ์
กลุ่มจูแวที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศปัด "นักรบ" เอี่ยวเหตุสลดยิงเด็ก 3 ศพที่บาเจาะ โบ้ยฝีมือ "ราษฎรติดอาวุธ" ที่เคยก่อคดีฆ่าหมู่ในพื้นที่อื่นๆ ยอมรับพ่อเด็กเป็นแนวร่วม เคยถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุม ยันหยุดโจมตีเป้าหมายอ่อนแอตั้งแต่เริ่มเจรจา ด้านจังหวัดเดินหน้าจ่ายเงินเยียวยา 1.5 ล้าน ชี้ 3 ฝ่าย "ตำรวจ-ทหาร-ปกครอง" เห็นพ้องกลุ่มป่วนใต้สร้างสถานการณ์
แหล่งข่าวจากกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู้กับรัฐไทย (จูแว) ซึ่งพำนักอยู่ในต่างประเทศ และเกี่ยวข้องกับกระบวนการพูดคุยสันติภาพกับรัฐบาลไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบกับแนวร่วมระดับปฏิบัติของขบวนการ ยืนยันได้ว่าเหตุฆ่าเด็ก 3 ศพ ซึ่งเป็นเด็กผู้ชายทั้งหมดของครอบครัว "มะมัน" ที่บ้านปะลุกาแปเราะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่ใช่การกระทำของกลุ่มขบวนการหรือบรรดานักรบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่
ทั้งนี้ ในมุมมองของกลุ่มขบวนการ เชื่อว่าผู้ที่ลงมือในเหตุการณ์นี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยโจมตีและฆ่าคนในหมู่บ้านไอร์ปาแย (เหตุการณ์กราดยิงในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เมื่อ 8 มิ.ย.2552) ปุโละปุโย (เหตุทหารพรานยิงถล่มรถประชาชนที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เมื่อ 29 ม.ค.2555) และรูสะมิแล (เหตุกราดยิง 6 ศพรวมทั้งเด็ก 2 ขวบที่ร้านขายของชำย่านรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ 1 พ.ค.2556) รวมทั้งเหตุการณ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวใช้คำว่า "group of people" หรือกลุ่มราษฎร ซึ่งอาจหมายถึงกลุ่มราษฎรติดอาวุธ ว่าเป็นผู้กระทำเหตุการณ์ลักษณะนี้ ไม่ได้ใช้คำที่ชี้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด
แหล่งข่าวยังยอมรับว่า หัวหน้าครอบครัวที่ถูกสังหาร (นายเจะมุ มะมัน) เป็นนักเคลื่อนไหวคนหนึ่ง เคยถูกสอบสวนซักถามโดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมย้ำว่านักรบของขบวนการไม่ยิงประชาชนของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและผู้หญิง
แหล่งข่าวเน้นด้วยว่า ตั้งแต่บีอาร์เอ็นเริ่มต้นกระบวนการสันติภาพกับรัฐบาลไทย ทางขบวนการได้หยุดโจมตีเป้าหมายอ่อนแอทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลไทยก็ยืนยันในเรื่องนี้ได้ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยมีพันธกิจต้องหาตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว
3ฝ่ายสรุปสร้างสถานการณ์-จ่ายเยียวยา
ด้านการให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียหาย นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้เชิญ นายเจะมุ มะมัน ไปพบที่ห้องทำงาน พร้อมด้วย พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอบาเจาะ เพื่อชี้แจงผลสรุปการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยจากการสอบสวนนั้น เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของอำเภอบาเจาะเห็นพ้องว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมะมันเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ นายศุภณัฐ จึงได้เป็นตัวแทนมอบเงินช่วยเหลือเยียวยากรณีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบให้กับนายเจะมุ แยกเป็นกรณีบุตรทั้ง 3 คนเสียชีวิต เป็นเงิน 1,500,000 บาท กรณี นางพาดีละห์ แมยู ภรรยาท้อง 4 เดือนได้รับบาดเจ็บ เป็นเงิน 50,000 บาท และตัวนายเจะมุเองที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเงิน 10,000 บาท
จับตาแนวร่วมไม้แก่น-เร่งตรวจปลอกกระสุน
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายได้เร่งดำเนินการด้านการข่าวเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อีกทั้งรอผลตรวจสอบจากปลอกกระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุว่าเคยใช้อาวุธดังกล่าวในพื้นที่ใดบ้าง
กลุ่มผู้หญิง-เอ็นจีโอประณามคนร้ายต่อเนื่อง
ด้านการประณามความโหดร้ายของเหตุการณ์สังหารเด็กชายสามพี่น้องยังคงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ก.พ.ที่ลานหน้ามัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี น.ส.คอลีเยาะ หะหลี ตัวแทนผู้หญิงสามจังหวัดชายแดนใต้ และกลุ่มผู้หญิงจากบ้านควนโนรีประมาณ 30 คน ได้ร่วมกันถือป้ายประณามการกระทำอันน่าสะเทือนใจต่อเหตุการณ์สังหารเด็ก 3 คนที่ อ.บาเจาะ
น.ส.คอลีเยาะ ซึ่งสูญเสียบิดาจากเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ เมื่อ 28 เม.ย.2548 กล่าวว่า ในฐานะผู้สูญเสียและมีความเป็นแม่เหมือนกัน ขอประณามการกระทำที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมะมัน เพราะเด็กและสตรีต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครสามารถยอมรับได้คือการกระทำของคนใจบาปต่อเด็กและสตรี ใครก็ตามที่ทำให้เกิดขึ้นต้องรับกรรมในสิ่งที่ได้กระทำทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
"เรามาด้วยความสมัครใจ เราทนไม่ไหวและรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกชายไปถึง 3 คน วันนี้เกิดอะไรขึ้นในสามจังหวัด ทำไมทุกคนต้องใช้ชีวิตอย่างไร้เหตุผล เด็กต้องเป็นเหยื่อ ผู้หญิงต้องรับกรรม ขอพระเจ้าจงดลใจให้คนก่อเหตุกลับตัวกลับใจ กลับมาสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเลย ขอร้องเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขอเป็นกำลังใจและดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวมะมันด้วย" น.ส.คอลีเยาะ กล่าว
ขณะที่กลุ่มดรีมเซาท์ องค์กรภาคประชาสังคมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์นี้เช่นกัน โดยระบุตอนหนึ่งว่า การเผชิญหน้าของคู่ขัดแย้งในภาวะสงครามย่อมส่งผลให้เกิดการกระทำความรุนแรง สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการใช้กำลังและอาวุธเข้าห้ำหั่นของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งเหล่านั้นจะหมดความชอบธรรมในทันทีเมื่อมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ถูกยกเว้นในภาวะสงคราม คือ กลุ่มผู้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผู้ที่เป็นพลเรือน ผู้ที่เป็นเด็ก รวมไปถึงเยาวชนที่ยังไม่ถึงเกณฑ์การฝึกอาวุธ และสตรี
เหตุการณ์ที่ อ.บาเจาะ เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมเกินกว่าที่จะยอมรับได้ว่ามันมีความชอบธรรมเนื่องจากภาวะสงคราม และเป็นการกระทำที่ส่อให้เห็นถึงความคับแค้นใจของผู้ลงมือก่อเหตุถึงกับต้องสังหารยกครอบครัว พฤติกรรมเช่นนี้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นพฤติกรรม อากัปกริยาของนักรบ แต่เป็นพฤติกรรมของมนุษย์โลกที่ยังไร้อารยะทางความคิด จึงขอประณามการกระทำต่อความรุนแรงอันนำไปสู่การสูญเสียเด็กและเยาวชน อันเป็นกำลังหลักในการสร้างความเจริญแก่สังคมต่อไปในอนาคต
ทางกลุ่มดรีมเซาท์ ยังเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งหลักต้องให้สัตย์ปฏิญาณแก่ประชาชนว่าจะไม่รุกล้ำในพื้นที่ของพลเรือน รวมไปถึงชีวิตและทรัพย์สิน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : 1-2 คอลีเยาะ หะหลี ตัวแทนผู้หญิงผู้สูญเสียจากควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี นำกลุ่มผู้หญิงไปรวมตัวที่มัสยิดกรือเซะ แถลงประณามเหตุฆ่าเด็ก 3 ศพที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส