เปิดชื่อตัวแทน"เสิ่นเจิ้น"ก่อนเลิกสัญญาแท็บเล็ต"สพฐ"-ปิดบริษัทหนี?
"อิศรา"บุก"สพฐ"ไล่ล่า หนังสือบอกเลิกสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ต"เสิ่นเจิ้น อิงถัง"รมว.ศึกษาฯยืนยันให้ตรวจสอบได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม โยนกันวุ่น เปิดชื่อตัวแทนบริษัทฝ่ายไทย"แหม่ม-แวว-เสี่ยวเฟย-ธนิต" ปัดให้ข้อมูล"สื่อ"
กรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมายอมรับว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา บริษัทเสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ที่ชนะการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มูลค่า 842 ล้านบาท และป. 1 โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง เป็นเงิน 786 ล้านบาท รวมทั้ง 2 โซน เป็นวงเงิน 1,628 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโดยให้เหตุผลถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ความเข้าใจต่อทีโออาร์(TOR) และสัญญาไม่ตรงกัน รวมถึงการติดต่อสื่อสารมีปัญหาอุปสรรคจนกระทั่งบริษัทส่งมอบของล่าช้าและถูกเรียกค่าปรับ และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโครงการแท็บเล็ตฯ และเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียทางธุรกิจจึงขอยกเลิกสัญญาทั้งหมดที่ได้ลงนามนั้น
ล่าสุด วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยังนายจาตุรนต์ ฉายแสง เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยนายจาตุรนต์ ยืนยันว่า ได้เห็นหนังสือของบริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ แล้ว และปัจจุบันหนังสือดังกล่าวอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผู้สื่อข่าวสามารถไปตรวจสอบได้
จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของหนังสือยกเลิกสัญญาดังกล่าวที่ สพฐ. อาคาร 3
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ชั้น 2 ถึงหนังสือยกเลิกสัญญาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระบุว่า เอกสารของ สพฐ. หนังสือต่างๆ จัดทำในรูปแบบ E-Flie ต้องใช้เวลาค้นหาโดยเจ้าหน้าที่ผู้จัดเก็บไฟล์ต่างๆ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ ปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานที่หอวังนนทบุรี หากเป็นไปได้ขอให้ผู้สื่อข่าวกลับมาใหม่อีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) หรือไปติดต่อที่แผนกสำนักการคลังและสินทรัพย์ซึ่งอยู่ที่อาคารเดียวกันนี้ แต่อยู่ที่ชั้น 4
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังชั้น 4 และแจ้งความประสงค์ว่าต้องการข้อมูลหนังสือยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ต เจ้าหน้าที่ชื่อ "พร" ซึ่งอยู่ฝ่ายงบประมาณ บอกว่า ผู้สื่อข่าวต้องไปติดต่อที่อาคารสำนักเลขาธิการ สพฐ. ที่อยู่เยื้องกันกับอาคารแห่งนี้ และให้ผู้สื่อข่าวไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ชื่อเอ็มที่ฝ่ายเลขาเลขาธิการ สพฐ.
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังฝ่ายเลขาฯ สพฐ. ชั้น 2 และไปพบกับเจ้าหน้าที่ชื่อ "เอ็ม" และแจ้งความประสงค์อีกครั้งว่ามาขอข้อมูลหนังสือยกเลิกสัญญา เจ้าหน้าที่ชื่อเอ็มบอกว่าให้ผู้สื่อข่าวถามเจ้าหน้าที่ชื่อ "ยุ้ย"
เมื่อผู้สื่อข่าวได้พบกับเจ้าหน้าที่ชื่อ "ยุ้ย" ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถให้ดูหนังสือยกเลิกสัญญาดังกล่าวได้ เพราะตนไม่ได้เป็นคนเก็บ ไม่รู้เก็บไว้ที่ใด หัวหน้าของตนซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกพัสดุเป็นผู้เก็บไว้ ตนไม่รู้ที่ จึงไม่สามารถนำมาให้ดูได้
จากนั้น เจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ย ได้โทรศัพท์ติดต่อ ไปยังหัวหน้าของตนและบอกผู้สื่อข่าวว่า ไม่สามารถให้ดูเอกสารดังกล่าวได้จริงๆ เนื่องจากวันนี้หัวหน้าไม่ได้เข้ามา เพราะติดบรรยายนอกสถานที่ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวมาลองติดต่อกลับมาใหม่ในวันหลัง
ผู้สื่อข่าวจึงถามเจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ยอีกครั้งว่า เนื่องจากตอนนี้สังคมกำลังตั้งคำถามว่าการยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้ทำหน้าที่ลงนามยกเลิกสัญญาดังกล่าว หากจะขอรอเพื่อดูหนังสือดังกล่าวจะได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตอบว่า ให้ดูไม่ได้จริงๆ ต้องทำหนังสือยื่นมาถึงเลขาธิการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แม้จะไม่สามารถดูหนังสือยกเลิกสัญญาได้ในตอนนี้ แต่เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา มีตัวแทนจาก บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ มายื่นหนังสือจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้รับหนังสือ
เจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ยตอบว่าเป็นตนเองที่เป็นผู้รับหนังสือ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เอื้อมไปหยิบแฟ้มสีน้ำเงิน และเปิดดูเอกสารการประสานงานขอเข้าพบ สพฐ. และอ่านใจความบางส่วนให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า
“นี่ไง คนที่มาวันนั้น คนที่เขาประสานงานมา เป็นคนของบริษัทเสิ่นเจิ้น ชื่อ นางสาวแวว, นางสาวแหม่ม มีล่าม ชื่อเสี่ยวเฟย”
เมื่อผู้สื่อข่าวขออ่านข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ให้ดูเพียงแว่บเดียวและรีบปิดแฟ้มและบอกว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป
ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามอีกครั้งว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่อธิบายไม่ชัดเจนว่าผู้ที่เดินทางมาคือใครกันแน่ เป็นเจ้าหน้าที่ บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ จากจีนหรือเป็นตัวแทนในประเทศไทย และใครเป็นผู้ที่ดำเนินการมายื่นหนังสือในครั้งนี้ หากเป็นนางสาวแวว หรือ นางสาวแหม่ม เหตุใดจึงไม่ระบุชื่อและนามสกุลจริง
เจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ย เริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยและตอบว่า
“เจ้าหน้าที่ผู้ลงนาม ทั้งในการเซ็ญสัญญาและในการยกเลิกสัญญา เป็นเจ้าหน้าที่ของ บริษัท เสิ่นเจิ้นฯ จากประเทศจีนโดยตรง แต่ส่งหนังสือลงนามมา ผ่านมาทางผู้ที่เขามอบหมาย นางสาวแหม่ม และนางสาวแวว เป็นเจ้าหน้าที่ ที่บริษัทจากจีนแต่งตั้ง คนเหล่านี้ คือผู้ที่ประสานงาน และมีผู้ที่บริษัทมอบอำนาจให้มา”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ใครคือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบและอธิบายให้แน่ชัดอีกครั้งได้หรือไม่ในที่สุด เจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ย จึงนำแฟ้มเอกสารเดิมออกมาอีกครั้งและยอมให้ผู้สื่อข่าวอ่านชื่อบุคคลที่รับมอบอำนาจ ซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับเดียวกับที่ระบุว่า มีนาวสาวแหม่ม นางสาวแวว และนางสาวเสี่ยวเฟย เป็นผู้ประสานงานและล่าม ซึ่งรายชื่อที่ปรากฎว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจโดยตรงจาก บ.เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ
ที่น่าสนใจ คือ ด้านล่างซึ่งมีตราประทับ ปรากฏชื่อ "นายธนิต คูศิวิไลส์" ซึ่งเจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ย กล่าวว่า นายธนิต ทำหน้าที่คล้ายกับทนายหรือนักกฎหมาย ที่รับมอบอำนาจจากบริษัทเสิ่นเจิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ สพฐ. จะดำเนินการอย่างไรต่อไปจะเริ่มต้นดำเนินการฟ้องร้อง บ.เสิ้นเจิ้น อิงถังฯ หรือไม่ อย่างไร เจ้าหน้าที่รายนี้ระบุว่า
“ตอนนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษารายละเอียดของหนังสือยกเลิกสัญญา เรายังไม่ได้ก้าวไปถึงขั้นที่จะยื่นฟ้อง”
เจ้าหน้าที่รายนี้ยืนยันด้วยว่า สพฐ. ยังไม่ได้จ่ายเงินงบประมาณ สั่งซื้อแท็บเล็ตให้กับ บริษัทเสิ่นเจิ้น อิงถังฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อตกลง 3 ข้อ ที่ บริษัท เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ ขอประณีประนอมกับ สพฐ.ก่อนหน้านี้นั้น เหตุผลที่ทาง สพฐ. ไม่ยอมรับเพราะอะไร เจ้าหน้าที่ชื่อยุ้ย ตอบว่า เป็นมติของกรรมการ สพฐ. ไม่ใช่ มติ ของใครคนใดคนหนึ่ง กรรมการ สพฐ. ได้ประชุมหารือกันแล้ว และเห็นว่าควรปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว ส่วนรายละเอียด ตนไม่สามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้
เจ้าหน้าที่รายนี้ย้ำด้วยว่า หนังสือสัญญาหรือหนังสือยกเลิกสัญญา ไม่สามารถเปิดเผยได้ เว้นแต่จะทำหนังสือแจ้งความประสงค์มาอย่างเป็นทางการหรือติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้ง
ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ สพฐ. ปฏิเสธการให้ข้อมูลหนังสือยกเลิกสัญญา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์นายจาตุรนต์ ฉายแสง อีกครั้ง ว่า ไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด และต้องทำเช่นไร จึงจะได้เห็นหนังสือสัญญาฉบับจริง
นายจาตุรนต์ตอบว่า เรื่องนี้ คงเป็นไปตามกระบวนการของแต่ละองค์กร "ผมไม่รู้ว่าแต่ละหน่วยงานเขามีลำดับขั้นตอนอย่างไร แต่ทำไมเหรอครับ มันมีอะไรน่าสนใจเหรอ มันไม่มีอะไรลึกลับหรอก ผมก็อ่านเนื้อความในหนังสือยกเลิกสัญญาให้สื่อฟังไปแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร ก็เป็นเรื่องที่เขาทำไม่ได้อย่างที่สัญญาไว้กับเรา ก็ต้องยกเลิก ก็เท่านั้น” นายจาตุรนต์ระบุ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นางสาวเสี่ยวเฟย ตามเบอร์โทรศัพท์ ที่ปรากฏในเอกสารการประสานงานขอพบเจ้าหน้าที่ สพฐ. เพื่อยื่นหนังสือยกเลิกสัญญา เมื่อติดต่อไปและมีผู้รับสาย ผู้สื่อข่าวถามว่าใช่คุณเสี่ยวเฟยหรือไม่ ปลายสายตอบว่า “ใช่ค่ะ”
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวแจ้งว่าเป็นผู้สื่อข่าวต้องการสอบถามข้อมูลเรื่องแท็บเล็ต ปลายสายรีบตอบกลับมาว่า “เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ค่ะ”
และตัดสัญญาณโทรศัพท์ทันที
หมายเหตุภาพประกอบ : istylecloth