ศาลสั่งประหารจำเลยคดีปล้นฐานพระองค์ดำ - ฆ่าทหาร
ศาลนราธิวาสสั่งประหาร "ซุลกีฟลี ซิกะ" หนึ่งในจำเลยคดีโจมตีฐานพระองค์ดำ ปล้นปืน-ฆ่าทหารเมื่อปี 54 แฉเคยรวบตัวได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่อ้างถูกซ้อม ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงออกหมาย พ.ร.ก.ไม่ได้จนต้องปล่อย ก่อนเจอหลักฐานดีเอ็นเอมัด รือเสาะระอุ ทหารปะทะเดือดกลุ่มติดอาวุธ ยึดเอ็ม 16 ได้ 1 กระบอก ส่วนแกนนำครูผวาบึ้มชุด รปภ.รายวัน ยอมรับภัยเริ่มจ่อใกล้ครู
เมื่อเร็วๆ นี้ ศาลจังหวัดนราธิวาสได้มีคำพิพากษาประหารชีวิต นายซุลกีฟลี ซิกะ และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม จำนวน 1,900,000 บาท อันสืบเนื่องจากร่วมบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารราบที่ 15121 (ร้อย ร.15121) หรือฐานพระองค์ดำ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 38 ตั้งอยู่ที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2554 ทำให้มีกำลังพลเสียชีวิตหลายนาย รวมทั้ง ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อย ทั้งยังปล้นอาวุธปืนของทหารไปทั้งสิ้น 65 กระบอก ส่วนหนึ่งเป็นปืนกลเบามินิมิ
จากข้อมูลของฝ่ายทหาร นายซุลกิฟลี ซิกะ เคยถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2554 กรณีต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงหลายเหตุการณ์ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง แต่เนื่องจากการประสานระหว่างหน่วยงานความมั่นคงผิดพลาด ไม่สามารถขอศาลออกหมาย ฉฉ. ที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) เพื่อควบคุมตัวได้ จึงต้องปล่อยตัวนายซุลกิฟลีกลับภูมิลำเนาไป นอกจากนั้นยังเกิดกรณีร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมานด้วย
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบต่อมาพบว่า ผลการตรวจสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ของนายซุลกิฟลี ปรากฏมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีกลุ่มก่อความไม่สงบหลายสิบคนบุกเข้าปล้นและโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย.ร.15121 เมื่อ 19 ม.ค.2554 จึงนำไปสู่การออกหมายจับ ป.วิอาญา (ออกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา) กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2555 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสลาตันสามารถติดตามจับกุมนายซุลกิฟลีได้อีกครั้ง ที่บ้านของเครือญาติในพื้นที่บ้านพงยือติ ต.ลาโละ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จากนั้นจึงนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาดังกล่าว
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค.2557 ยังคงตึงเครียด โดยเมื่อเวลา 16.30 น. หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 สนธิกำลังกับกองร้อยชุดรบที่ 1 (ร้อย.ชุดรบที่ 1) ออกลาดตระเวนพิสูจน์ทราบพื้นที่เป้าหมายต้องสงสัยเป็นแหล่งพักพิงหลบซ่อนตัวของกลุ่มก่อความไม่สงบ บริเวณป่าเชิงเขา บ้านตันหยง หมู่ 5 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
เมื่อไปถึง กลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งติดอาวุธและซ่อนตัวอยู่ในป่า ได้พากันวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่ ทำให้เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะนานหลายนาที เบื้องต้นฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย และไม่ทราบความสูญเสียของกลุ่มติดอาวุธต้องสงสัย อย่างไรก็ดี ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนเอ็ม 16 ตัดสั้น จำนวน 1 กระบอก และสิ่งของจำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ยึดได้ น่าจะเป็นปืนที่ปล้นจากฐานพระองค์ดำเมื่อ 19 ม.ค.2554 ด้วย
แหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุรุนแรงโดยเฉพาะระเบิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง และเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น จนสามารถจับกุมและยึดยุทโธปกรณ์ของกลางเป็นจำนวนมาก ทั้งยังสามารถจับกุมบุคคลที่เป็นมือระเบิดของฝ่ายขบวนการก่อความไม่สงบได้หลายรายด้วย ทำให้ฝ่ายก่อความไม่สงบต้องเปิดปฏิบัติการตอบโต้
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุลอบวางระเบิดใกล้บริเวณโรงเรียน หรือหลายกรณีก็เป็นการก่อเหตุถึงภายในโรงเรียน เพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ชุดรักษาความปลอดภัย ซึ่งล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ม.ค.ก็เพิ่งเกิดเหตุระเบิดตรงข้ามโรงเรียนบ้านมะปริง ต.จะรัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 2 นายนั้น
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ เพราะเหตุที่เกิดใกล้ครูมากขึ้นทุกวัน แต่ครูยังไม่ใช่เป้าหมายหลักในขณะนี้ เนื่องจากเป้าหมายหลักเป็นเจ้าหน้าที่ชุดที่เป็นกำลังคุ้มกันมากกว่า
"ผมยังเชื่อว่า 10 ปีไฟใต้ที่ผ่านมา ครูไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ครูก็ต้องระวังตัวมากขึ้น และไม่ประมาท เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับครู" นายบุญสม กล่าว และว่าสำหรับตัวเลขครู รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบนั้น ยอดล่าสุดอยู่ที่ 169 ราย ไม่ใช่ 170 รายตามที่เคยให้ข่าว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ศาลจังหวัดนราธิวาส
ขอบคุณ : ภาพจากอินเทอร์เน็ต http://www.panoramio.com/photo/43853488