ศูนย์คุณธรรม ร่วมหาทางออกวิกฤติความขัดแย้งผ่านหลักศาสนา
ศูนย์คุณธรรม ลงนามร่วม 32 องค์กรเครือข่ายศาสนา ชูแผนปฏิรูปความซื่อตรง หาทางออกวิกฤติความขัดแย้งในสังคมอย่างยั่งยืน ด้านตัวแทนศาสนาแนะ ให้รักเพื่อนมนุษย์ อย่ายึดประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จัดเสวนา เรื่อง "ไขคำตอบก้าวผ่านความขัดแย้ง สู่สังคมแห่งสันติ ด้วยหลักศาสนา" ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมี ผู้แทนศาสนาเข้าร่วมเสวนา รวมมถึงมีการลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนกระบวนการสมัชชาคุณธรรมของกลุ่มเครือข่ายศาสนา ระหว่าง 32 องค์กร อาทิ กระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักจุฬาราชมนตรี สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย มูลนิธิยุวมุสลิมโลกสำนักงานประเทศไทย เป็นต้น เพื่อร่วมกันเยียวยาปัญหาความขัดแย้งในสังคม
นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผอ.ศูนย์คุณธรรมฯ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์วิกฤติการเมืองอย่างหนัก ซึ่งความรุนแรงต่างๆ ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดคุณธรรมในเรื่องความซื่อตรง ดังผลการสำรวจจากองค์การเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ (Transparency International) ประเทศเยอรมนี ที่ชี้ว่า ประเทศไทยมีค่านิยมในการยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่นว่าเป็นเรื่องปกติ ติดอันดับ 80 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้คนในชาติเกิดความไม่ไว้วางใจกัน และนำไปสู่ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
นางฉวีรัตน์ กล่าวต่อว่า ทางศูนย์คุณธรรมฯ จึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ เครือข่ายภาคีศาสนา 32 โดยใช้หลักคุณธรรมของแต่ละศาสนาภายใต้แผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติ ฉบับทบทวน พ.ศ.2557-2559 ที่มุ่งพัฒนาเครือข่าย 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครือข่ายข้าราชการ เครือข่ายการเมือง เครือข่ายการศึกษา เครือข่ายชุมชน เครือข่ายศาสนา เครือข่ายสื่อมวลชนและเครือข่ายธุรกิจ
ทั้งนี้ จึงมุ่งหวังว่าสถาบันศาสนาจะเป็นสถาบันหลักในการเสริมสร้างคุณหลักธรรม ให้เกิดความซื่อตรงในทุกภาคส่วนของสังคม ปลูกฝังค่านิยมที่ดีตั้งแต่ระดับเมล็ดพันธุ์ของสังคม ในอนาคตความขัดแย้งต่างๆ จะลดทอน หรือไม่เกิดขึ้น
ด้านพระมหาเฉลิม ปิยะทัสสี ผู้แทนมูลนิธิวัดปัญญานันทาราม กล่าวว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ปัญหาต่างๆ ล้วนเกิดจากความต้องการผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม จนเป็นต้นเหตุของความไม่ไว้วางใจกัน และทำให้ต่างฝ่ายต่างอยู่ร่วมกันไม่ได้ รวมทั้งการเกิดอคติของคนในสังคมซึ่งเป็นที่มาของความเกลียดชังอย่างไร้เหตุผล โดยไม่ผ่านการไตร่ตรอง ดังนั้นการปลูกฝังค่านิยมด้านความซื่อสัตย์เพื่อส่งต่อไปยังคนรุ่นลูกหลาน ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ทุกภาคส่วนจะต้องเร่งให้ความรู้
ทั้งนี้ การพูดคุยที่ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ก็เป็นสิ่งสำคัญ เริ่มต้นที่ตัวเรา พูดในสิ่งที่เสริมสร้างความสงบ ไม่สร้างความขัดแย้ง นี่คือสิ่งที่ควรเริ่มทำประการแรกๆ
ขณะที่พระสังฆราช พิบูลย์วิสิฐนนทชัย ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อการอภิบาลสังคม กล่าวว่า หลักธรรมที่ช่วยสร้างความสุขให้คนในชาติตามแนวทางของศาสนาคริสต์คือ การรักในพระเจ้า และรักในเพื่อนมนุษย์ ซึ่งหมายถึงการรักและเชื่อในคำสอนของพระเจ้า รวมทั้งรักเพื่อมนุษย์ทุกคน ไม้เว้นแม้แต่คนที่คิดต่างจากเรา โดยจะมีการใช้กิจกรรมเชื่อมโยงคุณธรรม เช่น โครงการศาสนิกสัมพันธ์ และการจัดค่ายอบรมคุณธรรม
ด้านนายมูฮัมหมัดเฟาซี แยนา ผู้แทนมูลนิธิสภายุวมุสลิมโลก กล่าวว่า ความหมายของศาสนาอิสลาม คือ ความสันติ ที่เป็นสิ่งที่ที่ชาวมุสลิมควรเชื่อมั่นในหลักศาสนา แท้จริงแล้วทุกศาสนาสอนให้รู้จักปล่อยวาง ทั้งความแค้น ความโกรธ ความเกลียดชัง และอย่าฝักใฝ่ในการช่วยเหลือฝ่ายอธรรม โดยเฉพาะการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ ทุกคนต้องใช้หลักของความซื่อตรงอย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดอคติที่มีต่อกันได้