“วิชา”ย้ำเงื่อนตายระบายจีทูจี"เก๊"-อาศัยแค่"ชื่อ"สุดท้ายข้าววนเวียนในปท.
"..เรื่องที่เกี่ยวกับการตั้งอนุไต่สวน นายกฯ ครั้งนี้ ผมว่า ป.ป.ช. เราแฟร์นะ เราประกาศเป็นทางการให้ท่านนายกฯ รับรู้ข้อมูลล่วงหน้าก่อนเลย ..จากนี้ก็เป็นเรื่องของท่านนายกฯ แล้วว่าจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามาอย่างไร เราแฟร์ทุกอย่าง.. ”
หมายเหตุ : นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว ให้สัมภาษณ์พิเศษ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงผลการไต่สวนกรณีการระบายข้าวรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยเบื้องต้นพบว่าไม่ได้มีการระบายข้าวแบบจีทูจี จริง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน จำนวน 15 ราย
-------
@ มติผลการไต่สวนที่ออกมา ระบุว่าไม่ได้เป็นการระบายข้าวแบบจีทูจีจริง?
“ผลการไต่สวนเบื้องต้น ที่ออกมาในขณะนี้ สามารถระบุชัดเจนได้ว่าข้ออ้างที่ระบุว่ามีบริษัทจีนสองแห่ง เป็นรัฐวิสาหกิจ เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าว และอ้างว่าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจี มันไม่เป็นความจริง เราไต่สวนพบว่ามันไม่ใช่ โดยเบื้องต้นสำนวนที่สรุปออกมา มันเป็นเรื่องของการอาศัยชื่อจีทูจี”
“ เพราะว่าถ้าเป็นการซื้อขายแบบจีทูจีจริง กระบวนการดำเนินการในส่วนของจีน จะต้องผ่านองค์กรแห่งหนึ่ง ที่ชื่อ “คอฟโก” ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ และจะต้องได้รับมอบอำนาจเต็ม แต่อันนี้ไม่มีหลักฐานนี้มาแสดงให้เราดูได้ ซึ่งเราก็เรียกดูเอกสารแล้ว ปรากฏว่า เขามีแต่เอกสารแสดงว่าเขาเป็นรัฐวิสาหกิจมาแสดง อย่างนี้มันไม่ใช่”
@ แต่บริษัท จีเอสเอสจี จำกัดและบริษัท ไห่หนาน จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน
“ทั้งสองบริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนจริง แต่ว่าเขาไม่ได้มีใบอนุญาตตรงนี้ ซึ่งประเด็นนี้ ท่านอดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ที่เราเชิญมาสอบถามเรื่องระบบการค้าของจีนว่าเป็นอย่างไร ทั้งหมดยืนยันตรงกันว่า การดำเนินการต้องผ่าน คอฟโกเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้”
“ ทางป.ป.ช. เราได้เรียกเอกสารส่วนนี้ไปแล้วหลายครั้ง เราบอกไปแล้วว่า ให้คุณเอาเอกสารของคอฟโกมายืนยัน เพราะการค้าเรื่องอื่นที่ทำกับจีนมันมีหมด ซึ่งตรงนี้ เราก็จะรอให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามา เรากำลังรอให้เขาชี้แจงเข้ามา ซึ่งตอนนี้ คุณรู้อยู่แล้วว่าเราต้องการทราบอะไรบ้าง เราเปิดหน้าตักหมด ถ้าคุณไม่มีอะไร คุณก็ไปเอาหลักฐานมา ชี้แจงเข้ามา ซึ่งเขาอาจจะบอกว่า กรณีนี้ของเขาอาจจะไม่มีหลักฐานของคอฟโก แต่ผมมีหนังสือรับรองจากประธานาธิบดีอะไร ก็ว่าไป ซึ่งเราก็อาจจะรับฟังก้ได้”
@ ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่จะนำมาแสดง
“แน่นอน... เรื่องการต่อสู้คดีมันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ”
@ ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง15 รายมีใครบ้าง
“ ก็มีคุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว นายอัครพงษ์ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ผู้แทนบริษัท จีเอสเอสจี จำกัดและบริษัท ไห่หนาน จำกัดจากจีน และผู้แทนบริษัท จีเอสเอสจี จำกัดและบริษัท ไห่หนาน จำกัด ในประเทศไทย อาทิ นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายนิมล รักดี นายสมคิด เอื้อนสุภา และนายลิตร พอใจ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับสยามอินดิก้า”
“แต่นี่เป็นกลุ่มแรก ที่ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาไปก่อน ส่วนบริษัทสยามอินดิก้า อยู่อีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะเรากำลังสอบอีก 17 บริษัทค้าข้าวในไทย ที่อ้างว่าทำสัญญาซื้อขายข้าวผ่านบริษัท สยามอินดิก้า ซึ่งตรงนี้เป็นข้อสำคัญมาก เพราะการซื้อข้าวผ่านบริษัทสยามอินดิก้า จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการบิดเบือนตลาด และอะไรอีกหลายอย่าง รวมทั้งระบบบ้างอย่าง ที่จะทยอยเปิดเผยให้เห็นในโอกาสต่อไป ซึ่งตอนนี้เราต้องการความร่วมมือจากทั้ง 17 บริษัท ที่ซื้อข้าวอย่างมาก”
@ บทบาทของ 17 บริษัทค้าข้าว เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างไร
“เราได้รับการยืนยันว่า 17 บริษัท เป็นผู้ออกแคชเชียร์เช็คซื้อข้าว สั่งจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเหล่านี้อ้างว่า ต้องซื้อข้าวผ่านบริษัทสยามอินดิก้า แต่จะต้องสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คผ่านกรมการค้าต่างประเทศ”
@ การซื้อขายข้าวของ 17 บริษัท จะต้องผ่านสยามอินดิก้า
“ใช่ๆๆ เบื้องต้นจะต้องติดต่อผ่านสยามอินดิก้า แต่ถ้าคุณจะขนข้าว ต้องสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กรมการค้าต่างประเทศ หลักฐานของเราคืออย่างนี้”
“เราถึงเชื่อว่า มันไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เพราะถ้าเป็นรัฐต่อรัฐจริง คุณจะจ่ายเงินแบบนี้ได้ไง กรมการค้าต่างประเทศอยู่ที่ไทยนะ ไม่ใช่กรมการค้าต่างประเทศของจีน เป็นของไทย เมื่อเป็นแบบนี้ ข้าวมันก็ต้องวันอยู่ในประเทศนี้ ไม่ได้ส่งออกไปข้างนอก มันจะไปอยู่นอกประเทศได้ไง คุณขนข้าวไปเมื่อไร ซึ่งการซื้อขายกับจีน มันมีสามล็อตใหญ่ ตอนนี้ก็กำลังเร่งตรวจสอบข้อมูลกันอย่างเต็มที”
“ ตอนนี้ เราได้แคชเชียร์เช็คที่แน่นอนชัดเจน เพียงแต่ว่า เราต้องการความร่วมมือจาก17 บริษัท ซึ่งเรารู้มาแล้วว่า ไม่ได้เสียภาษีเลย ในการซื้อข้าวส่วนนี้ เขาก็ยอมรับว่า เขาไม่ได้เสียภาษี บางบริษัทยังบอกเลยว่า "ทำยังไง ผมถึงจะเสียภาษีได้ พรุ่งนี้ ผมไปเสียภาษีเลยได้ไหม" เพราะในการประเมินภาษี ถ้าเสียย้อนหลังจะต้องโดนปรับ เขาเดือนร้อนมาก บริษัทเหล่านี้เดือนร้อนมาก"
"เราก็เห็นใจ เขาอยู่ในสถานะที่ยากลำบากมา ผมต้องยอมรับเลย พวกเขาน่าสงสารที่สุด แต่เราจะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้ามีการค้าการขาย จะหลบเลี่ยงไม่ได้ ต้องลงบัญชีโดยถูกต้อง”
@ รายชื่อบริษัทค้าข้าว ทั้ง 17 บริษัท เป็นเผยได้หรือไม่
“ไม่บอก (เสียงดัง) เราบอกไม่ได้ เพราะว่ามันอยู่ในสำนวนการไต่สวนบอกใครไม่ได้ เป็นความลับ เป็นคนที่เราต้องรักษาไว้ยิ่งชีวิต เป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่สุด
@ การไต่สวนที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือในเรื่องข้อมูลมากแค่ไหน
“ผมบอกตรงๆ ว่า ไม่มีการไต่สวนครั้งไหนที่ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ จะไม่เต็มใจที่จะให้ข้อมูลเท่าครั้งนี้ เขาเต็มใจมาก คนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ เขาบอบกว่าไม่ไหวแล้ว ผมได้รับข้อมูลทั้งมาหาโดยตรง โทรศัพท์เข้ามา ส่งจดหมายมาบอกว่า อาจารย์ช่วยบ้านเมืองด้วย ถ้าไม่ช่วยเมืองล้มจมพินาศแน่ ทั้งที่เขาเป็นคนอยู่ในวงการค้าข้าว บางคนเต็มใจมาก เวลาเราเรียกมา เขาเต็มใจให้ข้อมูลจริงๆ ผิดกับข้าราชการของเราที่มีปัญหาในเรื่องนี้ เช่น องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในตอนแรก แต่ตอนนี้ได้รับความร่วมมือดีแล้ว
@ นายบุญทรง และนายภูมิ ระบุว่า ไม่เคยถูกเรียกมาให้ข้อมูลเลย
“เราทำแบบนั้น ไม่ได้ ในระบบไต่สวน เรากำลังไต่สวนอยู่ แล้วเรียกมาให้ถ้อยคำ แบบนำมันก็ฮั้วกันซิครับ ยังมาไม่ได้คุณต้องรอก่อน"
"แต่ตอนนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว คราวนี้แหละมาได้แล้ว เข้ามาเลย เราจะมีหนังสือไป มาได้เลย”
@ ความคืบหน้ากรณีการระบายข้าวในประเทศ และการระบายข้าวถุง อยู่ในขั้นตอนไหน
“ทั้งสองเรื่องอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องการซื้อขายข้าวอินโด ของบริษัทสยามอินดิก้า ที่จะแยกออกมาเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เพิ่งลงนามในคำสั่งแจ้งรายชื่อคณะอนุไต่สวนไป ตอนนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องคัดค้านรายชื่อเข้ามา”
@ มีการวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มคนเสื้อแดง ว่า ทำไมคดีข้าวในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ ร้องเข้ามาก่อน แต่เสียช้า กว่าคดีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ร้องเข้ามาในภายหลัง
“เราไต่สวนอยู่ มาดูบัญชีไต่สวนเราได้เลย”
“แต่เราที่ไต่สวนคดีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เสร็จก่อน เพราะการไต่สวนดคีนี้อยู่ในช่วงรัฐบาลปัจจุบัน มันทำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะการหาหลักฐาน ข้อมูลมันยังสดๆ อยู่ที่หน่วยงานเลย ไม่เหมือนกับคดีเก่า ที่ข้อมูลหายาก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบใหม่ ทำเรื่องขอข้อมูลไป คนที่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบัน ก็อ้างว่า เป็นเรื่องคนเก่า ไม่รู้ข้อมูลอะไรด้วย”
“เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ที่มีกันบ่อยๆ ก็สมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์นี่แหละ ย้ายบ่อยเหลือกิน บางคน ก็ถูกย้ายไปต่างประเทศ ก็มี”
@ เรื่องการไต่สวนคดีที่เกี่ยวกับตัวนายกฯ มีข้อเท็จจริงอย่างไร
“เรื่องที่เกี่ยวกับนายกฯ จะแยกส่วนออกมาอีกเรื่องหนึ่งเลย ในฐานะผู้บริหารราชการแผ่นดินสูง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่เห็นว่าจะมีเรื่องร้ายแรง มีนักวิชาการ หลายหน่วยงานออกมาเตือนว่าจะมีการทุจริต มีปัญหา แต่ไม่สั่งหยุดหรือยับยั้งไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งท่านจะบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะว่าไป”
@ แต่เรื่องข้าว นายกฯ มอบหมายให้รองนายกฯ ท่านอื่นดูแล และยืนยันว่าไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
“ไปดูเรื่องกฎหมายราชการแผ่นดินซิ เขาว่ายังไง แม้จะมอบหมายอะไรให้คนอื่นไป ตัวเองก็ต้องดูแลติดตาม ถ้าเห็นว่าเสียหายก็ต้องยกเลิก”
“ เรื่องที่เกี่ยวกับการตั้งอนุไต่สวน นายกฯ ครั้งนี้ ผมว่า ป.ป.ช. เราแฟร์นะ เราประกาศเป็นทางการให้ นายกฯ รับรู้ข้อมูลล่วงหน้าก่อนเลย ท่านจะได้ไปเตรียมตัวชี้แจงมาเลย และผมก็เป็นคนแจ้งให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนรับทราบเอง ว่า เราควรจะทำแบบนี้ ประกาศไปเลย ว่า เราจะไต่สวนเรื่องนี้ ให้เวลาท่านนายกฯ เตรียมตัวเต็มที่"
"จากนี้ก็เป็นเรื่องของท่านนายกฯ แล้วว่าจะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามาอย่างไร เราแฟร์ทุกอย่าง ”
(อ่านประกอบ:เจาะ 2เงื่อนตาย!ระบายข้าวจีทูจี“เก๊”รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในสำนวนสอบ ป.ป.ช.)