9 ชั่วโมง ตามติด “สุเทพ” เดินชัตดาวน์กรุงเทพ
วันที่ 13 ม.ค.2557 เป็นกำหนดวันที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นัดเคลื่อนขบวนใหญ่ปิดกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันให้รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ลาออกจากรักษาการ หรือที่เรียกกันว่า “ชัตดาวน์ กทม.”
โดยตลอดทั้งวัน ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ลงพื้นที่เดินเกาะติด “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส.เพื่อเก็บบรรยากาศ การเดินชัตดาวน์ กทม.ทุกฝีก้าว
ตั้งแต่ออกเดินที่เวทีปราศรัยของ กปปส. (เดิม) อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังเวทีปราศรัยของ กปปส. (ใหม่) ที่สี่แยกปทุมวัน
ผ่านเวทีปราศรัยที่มีการตั้งขึ้นมาใหม่ถึง 3 แห่ง ใน 7 แห่ง ได้แก่ สี่แยกปทุมวัน สี่แยกราชประสงค์ สี่แยกอโศก (ที่ไม่ได้ผ่าน คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์ราชการ และสี่แยกลุมพินี)
รวมใช้เวลาเดินเท้า-เดินทางทั้งสิ้น “9 ชั่วโมงเศษ”
โดยสุเทพและคณะเริ่มออกเดินในเวลา 09.15 น. จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าไปตามถนนหลานหลวง ผ่านแยกตลาดสะพานขาว เลี้ยวเข้าถนนเพชรบุรี ผ่านแยกราชเทวี มุ่งสู่แยกปทุมวัน
ทั้งนั้นการเคลื่อนขบวนเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากตลอดทางมีมวลชนมาห้อมล้อมพร้อมขอถ่ายรูปคู่กับนายสุเทพอยู่เป็นระยะโดยที่สี่แยกราชเทวี เลขาธิการ กปปส.ได้ส่งมวลชนบางส่วนให้ไปสมทบการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่มี “นายถาวร เสนเนียม” เป็นผู้รับผิดชอบเวที
กระทั่ง เวลาประมาณ 12.00 น. นายสุเทพถึงเดินทางมาถึงสี่แยกปทุมวัน ซึ่งมีการตั้งเวทีปราศรัยโดย “นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย” เป็นผู้รับผิดชอบเวที แต่ยังไม่หยุดปราศรัย เพียงแค่โบกมือทักทายผู้ชุมนุมในเวลาดังกล่าว จากนั้นก็เคลื่อนขบวนต่อไปที่สี่แยกราชประสงค์ สถานที่ตั้งเวทีปราศรัยอีกแห่ง ที่มี “ดร.เสรี วงศ์มณฑา-นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์” เป็นผู้รับผิดชอบเวที
ที่สี่แยกราชประสงค์ การเคลื่อนขบวนของนายสุเทพยิ่งเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากมีผู้ชุมนุมจำนวนมารอมอบเงินบริจาคและรอถ่ายรูปคู่ด้วยกระทั่งต้องมีการเปิดเพลงปลุกใจและปรบมือเข้าจังหวะเพื่อสร้างบรรยากาศโดยรอบให้คึกคัก ระหว่างที่มวลชนรอให้นายสุเทพมาถึง
เวลา 14.30 น. นายสุเทพก็เดินมาถึงหน้าศูนย์การค้าเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนาของการ์ดอาสาสมัครที่ยืดแขนเป็นวงล้อมรอบไว้ โดยมีประชาชนต่างร้องตะโกน “กำนันสู้ๆ” อยู่ตลอดทาง
กว่าจะฝ่าด่านมวลมหาประชาชนไปจนถึงถนนวิทยุเพื่อเคลื่อนเข้าสู่ถนนวิทยุ ก็เป็นเวลาเกือบ 16.00 น. แล้ว
จากถนนวิทยุ มุ่งสู่ถนนเพลิตจิต-ถนนนานา ท่ามกลางมวลชนที่มารอต้อนรับจับมือ-บริจาคเงิน-ถ่ายรูปคู่ เนืองแน่น ที่สุดนายสุเทพก็มาถึงสี่แยกอโศก สถานที่ตั้งเวทีปราศรัยอีกจุด
ที่นี่เอง ที่นายสุเทพขึ้นปราศรัยเป็นครั้งแรกในวันชัตดาวน์ กทม. เนื้อหาโดยสรุปยืนยันว่าจะไม่ยอมเจรจากับรัฐบาลหรือคนกลางใดๆ การออกมาต่อสู้ของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ จะไม่จบลงด้วยสถานการณ์ วิน-วิน แต่จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่ชนะ และหาก กปปส.แพ้ตนยินดีติดคุกติดตาราง
การปราศรัยของ “เลขาฯ กปปส.” แม้ท่าทีจะเหนื่อยอ่อน แต่เนื้อเสียงและเนื้อหายังดุดันตามสไตล์ เมื่อเสร็จสิ้นการปราศรัยหลังเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น. เล็กน้อย นายสุเทพก็ส่งมอบเวทีคืน โดยมีการเปิดเพลง The Final Countdown ส่งเจ้าตัวลงจากเวที
จากนั้นนายสุเทพก็นั่งรถยนต์ส่วนตัวเพื่อไปยังเวทีปราศรัยหลักของ กปปส.แห่งใหม่ที่ “สี่แยกปทุมวัน” หลังทุบหม้อข้าวยุบเวทีปราศรัยหลักของ กปปส.แห่งเดิมที่ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถือเป็นการจบสิ้นการเดินชัตดาวน์ กทม.ใน 1 วันอันยาวนานของนายสุเทพ ที่ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าการ “ปิดเมือง” ครั้งนี้จะยืดเยื้อไปอีกนานเท่าใด มีเพียงคำปราศรัย-แสดงจุดยืนในช่วงหัวค่ำที่ย้ำว่า “การปิด กทม.ครั้งนี้จะทำไปจนกระทั่งรู้ผลแพ้ชนะ”
ตลอดเส้นทางที่เดินตามติดขบวนของนายสุเทพ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีเหตุวุ่นวายหรือรุนแรงใดๆ โดยเลขาฯกปปส.ก็ยิ้มแย้มทักทายมวลชนที่มารอรับ มีการโบกไม้โบกมือสลับชูกำปั้นทั้ง 2 ข้าง เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและความหวัง ซึ่งคล้ายจะเป็นท่าประจำตัวของ “อดีตกำนัน” ผู้ผันตัวมาเป็น “แกนนำม็อบ” วัย 64 รายนี้ ในระยะหลัง