นรกเล็กๆในเครื่องบินที่นิวยอร์ก
"..ไม่มีใครเคยเดินทางมานิวยอร์ก ก่อนเดินทางตรวจสอบข่าวพยากรณ์อากาศทราบว่าโดนพายุหิมะถล่มเมื่อวันก่อน ผู้ร่วมเดินทางต่างภาวนาให้การเดินทางเป็นไปได้ด้วยดี โดยมิได้นัดหมาย.."
สภาพอากาศที่เลวร้ายของสหรัฐในปีนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รับผลกระทบไปตามๆกันโดยเฉพาะการเดินทางโดยทางอากาศ
ต้นเดือนมกราคม 2557 คณะของเราซึ่งมี“ภีรกาญจน์ ไค่นุ่นนา”อาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และ สุทธิวรรณ ตัณญพงศ์ปรัชญ์. ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ รวม3 คน ต้องเดินทางไกลอีกครั้ง คราวนี้จุดหมายอยู่ที่นิวยอร์ก และวอชิงตัน ดี.ซี.
เราออกจากที่พักในย่าน North Hamilton Street แมดิสัน รัฐวิสคอนซิน เวลา 05.00 น.อาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2557 โดยใช้บริการแท็กซี่ประมาณ 15 นาทีพร้อมเป้สัมภาระติดตัว จากที่พักถึงสนามบินในเมืองแมดิสัน มิเตอร์โชว์ค่าโดยสาร 17.5 เหรียญสหรัฐ ทิป 2.5 เหรียญ รวม 20 เหรียญไม่ต้องทอน
ไม่มีใครเคยเดินทางมานิวยอร์ก ก่อนเดินทางตรวจสอบข่าวพยากรณ์อากาศทราบว่าโดนพายุหิมะถล่มเมื่อวันก่อน ผู้ร่วมเดินทางต่างภาวนาให้การเดินทางเป็นไปได้ด้วยดี โดยมิได้นัดหมาย
ตามตารางบิน เดลต้าแอร์ไลน์ (ซึ่งเคยใช้บริการเมื่อ 10 ก่อน) DL 5277 BOARDING เวลา 06.30 น.เครื่องออก 07.00 น. เราไปถึงก่อน 6 โมงเช้า เข้าเช็กอินและถูกตรวจค้นอย่างละเอียดชนิดเกือบเปลื้องผ้าเลยทีเดียว
นั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่องหมายเลข 9 จนถึงเวลา 06.30 น.เจ้าหน้าที่บริการภาคพื้นดินสุภาพสตรีเพิ่งเดินทางมาประจำเคาน์เตอร์ยังไม่มีท่าทีเรียกผู้โดยสาร
สักพักเงยหน้าดูนาฬิกาแขวนที่เคาน์เตอร์สนามบิน อีกไม่กี่นาที 07.00 น.ผู้โดยสารบางคนเริ่มกระวนกระวานลุกเดินไปสอบถามเป็นระยะ จนเจ้าหน้าที่สาวรายเดิมประกาศตามสายว่า ไฟลท์ต้องเลื่อนออกไป นั่นแหละ เริ่มรู้สึกว่า “ไม่ปกติ”แล้ว
เวลาผ่านไป นับร้อยชีวิตก็นั่งรออย่างอดทน กระทั่ง 07.30 น.ถูกเรียกให้ขึ้นเครื่อง โล่งใจไปเปลาะ“ถึงอย่างไรเสียเราคงได้ไปนิวยอร์กแน่ๆ”
นั่งประจำที่รัดเข็มขัดเรียบร้อย เหลือบเห็นพนักงานต้อนรับกำลังทำหน้าที่ อุทานเล็กๆในใจ ให้ตายเธอเถอะเป็นเธอคนเดียวกับพนักงานภาคพื้นที่ประจำเคาน์เตอร์นั่นเอง
DELTA ช่างใช้คนคุ้มจริงๆ
เที่ยวบินภายในประเทศจากแมดินสันสู่นิวยอร์ก ผู้โดยสารเกือบร้อย กัปตัน และพนักงานตอนรับ 2 คน คนหนึ่งเป็นชาย อีกคนหนึ่งเป็นหญิง ระหว่างบินเครื่องสั่นสะท้านเหมือนตกหลุมอากาศบ้างก็ยังดูปกติในสภาพอากาศไม่ปกติ 09.45 น.ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ สนามบินลาการ์เดีย (Laguardia -LGA) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 15 นาที
เหมือนจะราบรื่น ทว่าเวลาผ่านไปเริ่มรู้สึกไม่ปกติ เพราะเครื่องบินขยับไปหน่อยแล้วจอดนิ่ง ขยับแล้วจอดนิ่ง มีไฟสัญญาณให้ผู้โดยสารนั่งรัดเข็มขัดประจำที่นั่ง เป็นอย่างนี้หลายครั้ง กัปตันประกาศหลายรอบว่าเกิดปัญหาการบริหารจัดการของสนามบินเนื่องจากมีเที่ยวบินที่ลงจอดและเดินทางออกสนามบินจำนวนมาก
หลายคนรู้สึกอึดอัดระคนความหิว คนหนึ่งขยับลุกเดินไปท้ายเครื่องจะเข้าห้องน้ำ แต่ถูกพนักงานต้อนรับชายบอกเสียงเข้มๆแบบสุภาพ “กรุณากลับไปนั่งประจำที่ของคุณและรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย”
ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง พนักงานต้อนรับหญิงคนเดิมเริ่มรับรู้ถึงความกระหายของผู้โดยสาร เดินเอาของว่างจำพวกถั่วถุงเล็กๆและน้ำเปล่ามาแจก พร้อมพูดจาให้คลายความกังวล
กริยาที่ต้องนั่งงอขาเหมือนไก่ต้มสุก ไม่ต่างจากติดอยู่ในรถยนต์คันเล็กในช่วงโมงเร่งด่วนของมหานครกรุงเทพอย่างไงอย่างงั้น
มันช่างทรมานจริงๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆเหมือนตั้งใจ กระทั่ง 12.07 นาที เครื่องขยับเข้าใกล้อาคารผู้โดยสารครั้งสุดท้าย และเปิดประตูให้ผู้โดยสารลงเดินไปขึ้นรถชัตเทิ้ลบัสเข้าสู่อาคารผู้โดยสารอีกทอดหนึ่ง นั่นแหละถึงที่หมายจริงๆเสียที
ครั้นเดินตามทางเดินขึ้นบันไดเลื่อนหลุดเข้าอาคารผู้โดยสาร ภาพที่เห็นก็คืออาคารแห่งนี้คับคั่งไปด้วยผู้โดยสารหลายพัน ตกค้างจากการยกเลิกเที่ยวบินเพราะหิมะถล่มสภาพอากาศปิดมาหลายวัน นั่งนอนรอตามพื้น ทางเดิน ร้านอาหาร ระเกะระกะ
นี่มันหนังเรื่อง THE TERMINAL ชัดๆ
“วิกเตอร์” นักแสดง (ทอม แฮงก์ส) ชาวยุโรปตะวันออกเดินทางมายังนิวยอร์กซิตี้ ในขณะที่บ้านเกิดของเขาเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างกะทันหัน ในขณะที่เขาอยู่ระหว่างเดินทางบินลัดฟ้ามายังอเมริกา ทำให้ต้องติดแหงก อยู่ที่สนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้
แต่เรื่องจริงตอนนี้เกิดขึ้นที่สนามบินลาการ์เดีย ผู้โดยสารจำนวนมากติดแหงก เชื่อว่าสนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน
เบ็ดเสร็จเรานั่งแช่อย่างทรหดราวคนพิการอยู่ในเครื่องบินที่จอดเกือบนิ่งสนิทที่สนามบินลาการ์เดียกว่า 3 ชั่วโมง มันมากว่าเวลาที่นั่งอยู่บนฟ้าเสียอีก
“เอกศจี เพชรประสิทธิ์”เจ้าของร้านอาหารไทย RIN THAI CUISINE ในนิวยอร์ก เพื่อนของ “สุทธิวรรณ”อนุเคราะห์มารับที่สนามบินบอกว่า ก่อนหน้านี้นิวยอร์กถูกพายุหิมะ และตอนเช้าวันนี้อากาศมันปิด ถ้าเครื่องมาถึงช้ากว่านี้ หรือหลังจาก 10 โมงเช้าเป็นต้นไปเครื่องบินก็คงไม่ได้ลงจอด
นั่นหมายความว่าเราอาจบินกลับไปวิสคอนซินเหมือนเดิม ยังดีเทพีแห่งโชคเข้าข้างอยู่บ้าง
หลุดจากสนามบินเข้าสู่มหานครนิวยอร์ก (New York City; NYC) เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ประชาการกว่า 8 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก ตึกระฟ้าสูงที่สุด ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ (เป็นเมืองเดียวกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาอยู่ที่นี่ในวันถูกโค่นอำนาจ 19 ก.ย.49 ก่อนไปลี้ภัยในลอนดอน เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ ต่างกับวิสคอนซินโดยสิ้นเชิง
(อ่านประกอบ:เบื้องหลัง “ทักษิณ”ปักหลักในดูไบ-ปูดถูกสหรัฐสะกดรอย!)
เราแวะที่นิวยอร์ก 3 วันก็มุ่งหน้าสู่วอชิงตัน ดี.ซี.เหมืองหลวงของสหรัฐ จุดหมายอยู่ที่ Voice of America (VOA) และ The International Consortium of Investigative Journalists (ICIJ) หรือ เครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ
เราวางแผนเดินทางโดยรถทัวร์ตามคำแนะนำของ“เอกศจี”ซึ่งก่อนเดินทาง 1 วัน เราใช้บริการรถไฟใต้ดิน (SUBWAY) ไปสำรวจที่ตั้งบริษัทรถขายตั๋วในย่านไชน่าทาวน์ล่วงหน้า หลังจากนั้นจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ของบริษัททัวร์คนจีน แล้วออกเดินทางในตอน 7 โมงเช้าวันรุ่งขึ้น
รถทัวร์โดยสารของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจอดรับผู้โดยสารกว่ายี่สิบชีวิตที่ย่านดาวน์ทาวน์ 9 ม.ค.57 เวลา 7.30 น. (มาช้ากว่ากำหนด 30 นาที) วิ่งจากนิวยอร์ก ผ่านนิวเจอร์ซีย์ แวะพัก 15 นาทีที่ SOUTH TURN PIKE เดินทางต่อเข้าสู่บัลติมอร์ (BALTIMORE) แวะส่งผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ BALTIMORE TRAVEL PLAZA ในเวลา 11.05 น. และเข้าสู่วอชิงตัน ดี.ซี. กระทั่งถึงที่หมายย่านไชน่าทาวน์ 12.00 น. วันเดียวกันรวมเวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง
แม้เป็นทัวร์จีนแต่การให้บริการไม่ได้ขี้เหร่ ระหว่างทางยังเห็นทัศนียภาพสองข้างทางซึ่งประเทศนี้ยังมีต้นไม้และป่าไม้ขึ้นเต็มในบางช่วงอีกด้วย
เมื่อถึง วอชิงตัน ดี.ซี.เราออกจากไชน่าทาวน์ด้วยความอนุเคราะห์ของ“วิชัย มะลิกุล” ซึ่งเป็นคนไทยคนเดียวที่ทำงานที่พิพิธภัณฑ์ สมิธโซเนียน-SMITHSONIAN) มารับแวะพักที่สมิธโซเนียนและส่งเข้าที่ทำการ VOA ในเวลาบ่ายโมงตรง
นับเป็นครั้งที่สองในรอบ 10 ปีที่มาเยือน VOA และคุยกับ“นิตยา มาพึ่งพงศ์”หัวหน้าแผนกไทย สื่ออาวุโสมืออาชีพตัวจริง ..
อ่านประกอบ: ตากหนาว...ลุยวัดลาวในแมดิสัน