ดีกว่าเอาข้าว (สต๊อกรัฐบาล) ไป ‘เผาทิ้ง’
จากการที่นายพันศักดิ์ วิญญูรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจ นำเสนอแนวคิดให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำเนินการแปรรูปข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกผลิตเป็นเอทานอล เพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนั้น โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ส่งไม้ต่อให้กรมการข้าวไปศึกษาความเป็นไปได้
ล่าสุด มีรายงานออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า กรมการข้าว ได้ศึกษาแนวทางการนำข้าวไปผลิตเป็นเอทานอลแล้ว และมีการประเมินต้นทุนการผลิตเอทานอลจากข้าวสารคุณภาพต่ำ โดยมีต้นทุนวัตถุดิบถึงตันละ 13,000 บาท ทำให้ไม่คุ้มทุน การผลิตเอทานอลจากข้าวต่อลิตรสูงถึง 42.30 บาท (ยกเว้นแต่จะใช้วัตถุดิบที่เป็นข้าวสารคุณภาพต่ำมากๆ ซึ่งใช้รับประทานและทำเป็นอาหารสัตว์ไม่ได้แล้ว จึงจะคุ้มที่จะผลิต)
ในทางเทคนิค "ใช้ข้าวผลิตเอทานอล" เป็นไปได้จริงหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา พูดคุยกับ นักวิชาการด้านพลังงาน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญศึกษาวิจัย ทดลองด้านพลังงานทดแทน ยืนยันชัดว่า สามารถทำได้ โดยใช้กระบวนการเดียวกันกับการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง รวมทั้งยังสามารถใช้โรงงานเดียวกันได้ เนื่องจากกระบวนการคือแปรรูปจากแป้งเหมือนกัน
ฉะนั้น ไม่ว่าแป้งมันหรือแป้งข้าว จึงไม่แตกต่างกัน
“ตอนนี้มี โรงงาน 22 แห่ง สามารถผลิตเอทานอลได้ 4 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งก็สามารถแปรรูปข้าวได้ ประมาณ 15,000 ตันต่อวัน ซึ่งถ้าไม่ทำอย่างอื่นเลยก็คือจะแปรรูปข้าวได้ 5 ล้านตันต่อปี”
นักวิชาการท่านนี้ ได้ยกตัวอย่าง ประเทศจีนที่มีโรงงานเอทานอลเกือบทั่วประเทศ จีนก็เคยทำลายสต็อกข้าวโพดค้างปีด้วยวิธีเดียวกันนี้หลายครั้ง พอเก็บนานเกินคุณภาพเสื่อมราคาลดลง เมื่อมีการแปรรูป ราคาในตลาดก็กระเตื้อง ถือเป็นการบริหารสต็อกและบริหารราคาไปในตัว
“จีนรู้ว่า ถ้าไปเร่ขายก็มีแต่ขาดทุน สู้เอามาแปรรูปให้หายออกไปจากวงจรสินค้าโภคภัณฑ์ คือเอาไปทำเชื้อเพลิงและสารเคมี จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น (market sentiment) ขยับราคากันเอง”
สำหรับกรณีของประเทศไทย เขาเห็นว่า ควรเร่งพิจารณาแนวทางนี้ หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว
ขณะที่วิธีการอื่นๆ นั้น "ข้าว (สต๊อกรัฐบาล)" ยังสามารถแปรรูปไปเป็น สุรา หรือสาเกขายได้ 1,000 บาทต่อลิตร ซึ่งวิธีนี้ต้องมีการเปิดเสรี โรงงานผลิตสุรา เขาเชื่อว่า ไม่มีใครกล้าทำ
นอกจากนี้ การแปรรูปข้าวค้างสต๊อกที่ไม่ใช่เอาไปทำอาหาร ตอนนี้ที่มีโรงงานพร้อมทำเป็น เอทานอล สุรา กรดอาซีติค กรดน้ำส้ม พลาสติคชีวภาพ ส่วนทางเลือกอื่นๆ ก็คือเอามาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ เลี้ยงวัว เลี้ยงปลาหมูกุ้งไปเลย
ทั้งหมดเขาเห็นว่า ยังดีกว่าไปคิดวิธีพิเรนทร์ เช่น เอาไปทิ้งทะเล เผา หรือทำปุ๋ย เพราะแบบนั้นไม่ได้อะไรคืนมาเลย
สำหรับการแก้ปัญหาสต๊อกข้าว ปูด บวม จากโครงการจำนำข้าว ระยะเร่งด่วน จำเป็นอย่างยิ่งต้องลดพื้นที่การปลูกลง "เพราะเราปลูกข้าวเกินตัว ไม่ใช่กินเกินตัว" ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่า ประชาชนถึงเวลาต้องตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่กล้าประกาศว่าจะไม่ประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ไม่ประกันผลผลิต ไม่แทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ประกอบด้วย
สุดท้าย เขาคาดว่า ปราฎการณ์กระแสลมหวนจากขั้วโลก (polar vortex) ที่ทำให้สหรัฐฯ เผชิญอากาศหนาวจัดอยู่ ณ เวลานี้ น่าจะส่งผลให้พืชผลทางการเกษตร ธัญพืช ข้าวสาลี ในสหรัฐฯ ได้รับความเสียหายมาก สภาพภูมิอากาศหนาวขนาด -30 องศา แม้แต่แบคทีเรีย ยังอยู่ไม่ได้ ดังนั้น พืชไม่ต้องพูดถึง
ราคาธัญพืชจะโยงกันทั่วโลก การที่เรามีสต็อกข้าวมากๆ ย่อมเป็นที่คาดหวังจากตลาด อีกทั้งจีน รัสเซียก็เจอภูมิอากาศที่หนาวจัดด้วย ฉะนั้น หากประเทศไทยประกาศไปว่า
"ถ้าไม่มีใครสั่งซื้อข้าวจากเรา เราจะเร่งแปรรูป รวมทั้งกำจัดสต็อกด้วยการทำอาหารสัตว์ รับรองได้ ราคาข้าวกระเตื้องขึ้น คิวซื้อยาวแน่นอน" เขาบอกอย่างมีหวัง พร้อมยกตัวเลขประเทศไทยมีสต็อกข้าวเกินอยู่ 11-12 ล้านตัน
นำมาทำเป็นเอทานอล 3 ล้านตัน
ทำอาหารสัตว์ 3 ล้านตัน
ทำเคมี 3 ล้านตัน
ที่เหลือขายแค่ 2-3 ล้านตัน
ก็ยังดีกว่าประกาศจะเอาข้าวไปเผาทิ้ง...