“อริสมันต์ –เมีย”เปิดบ้านหรู!!แจงปมธุรกิจเชื่อมโยง“สายการบิน-อสังหาฯ”
“อริสมันต์ –เมีย” เปิดบ้านหรู!! แจงปมเชื่อมโยงสารพัดธุรกิจ ยอมรับลงขัน 25 ล้าน ตั้งบริษัทอสังหาฯ แต่ลงแค่ตัวเลขไม่ใช้เงินจริง เผยหุ้นส่วนมีปัญหาแตกคอ เลยไม่ได้ทำต่อ ส่วนธุรกิจสายการบิน แค่ช่วยเป็นธุระจัดหาเครื่องบิน กัปตัน ให้เพื่อนสนิท ไม่ได้รวมทำธุรกิจด้วย ปฏิเสธข่าว "คนแดนไกล"อัดฉีดเงินแกนนำเสื้อแดงร้อยล้าน ยันไม่เคยสู้แล้วรวย มีแต่สู้แล้วจน คดีติดตัวเพียบ
กรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง “ภรรยา” ของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ใช้เงินจำนวน 25 ล้านบาท ไปร่วมลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด และใช้บ้านพักตนเอง เป็นสถานที่ตั้งบริษัทฯ ในช่วงที่อยู่ตำแหน่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ขณะที่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 นางระพิพรรณ ระบุว่า มีเงินฝากอยู่ 2,988,135.78 บาท ส่วนนายอริสมันต์ มีเงินฝากอยู่ 1.06 บาท ขณะที่บุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีเงินอยู่ 424,287.86 บาท ทำให้มีทรัพย์สินรวมกัน 11,722,692.13 บาท แค่ และมีหนี้สิ้นเป็นจำนวนเงิน 9,715,357.51 บาท โดยในจำนวนหนี้สินนั้น มีหนี้ของนายอริสมันต์ รวมอยู่จำนวน 3,720,267.43 บาท
(อ่านประกอบ: พบ“เมียอริสมันต์”ขนเงินเฉียด25ล.ลงขันธุรกิจอสังหาฯช่วงนั่งเก้าอี้"ส.ส."
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูล บริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คือ บ้านเลขที่ 342/2 ซอยเสือใหญ่อุทิศ ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร และเป็นบ้านพักส่วนตัวของนางระพิพรรณ ตามที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.
พบว่า เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 3 ชั้น ขนาดใหญ่โตโอ่อ่าพอสมควร ป้ายชื่อหน้าบ้านเขียนว่า “พงศ์เรืองรอง” ไม่มีป้ายชื่อบริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ติดไว้แต่อย่างใด
จากการสอบถามข้อมูลคนในบ้านได้รับการยืนยันว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่นายอริสมันต์ และครอบครัวพักอาศัยอยู่ ก่อนที่จะอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในบ้าน และไปแจ้งให้นายอริสมันต์ และนางระพิพรรณ ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ และนางระพิพรรณ กล่าวยอมรับกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ได้ร่วมกับหุ้นส่วนอีก 2 คน เปิดบริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้บ้านพักส่วนตัวเป็นสถานที่ตั้งบริษัทตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปจริง แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มดำเนินการธุรกิจอะไรเป็นทางการ เนื่องจากภายหลังการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ หุ้นส่วนอีก 2 คน มีปัญหาขัดแย้งกัน งานทุกอย่างที่วางแผนไว้จึงถูกระงับเอาไว้ก่อน
"หุ้นส่วนทั้งสองคน เรารู้จักกันดี เขาอยากทำบ้านจัดสรรก็เลยมาชวนกันไปทำ เราเห็นว่าเขาอยากทำเราก็เลยไปทำด้วย จึงรวมกันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมา แต่บังเอิญเขามีปัญหากัน งานทุกงานก็เลยหยุดไว้ เลยไม่ได้ทำอะไรต่อ"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นำเงินจากที่ไหนกว่า 25 ล้านบาท มาใช้ลงทุนจัดตั้งบริษัท นายอริสมันต์ ตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องทางบัญชี จริงๆ แล้ว เราคิดว่าจะกู้เงินจากธนาคารเอาเงินตรงนั้นมาลง แต่หุ้นส่วนมีปัญหากัน มันก็เลยไม่ได้ทำกันต่อไง”
เมื่อถามว่า แต่ในเอกสารจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ระบุว่ามีการชำระเงินแล้ว 25 ล้านบาท นายอริสมันต์ ตอบว่า “ เรายังไม่ได้ลงเงินเลย มีแค่ตัวเลข พวกที่ทำธุรกิจ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทก็ทำเหมือนกัน เขาจะจดเงินทุนสูงๆ เพื่อเอาโปรเจกต์ไปเข้าแบงค์(ธนาคาร) เพื่อขอปล่อยกู้ แต่เรายังไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีเงินไปลงสักบาทตรงนั้น เสียแค่ค่าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแค่นั้น”
“ จริงๆ แล้ว หุ้นส่วนเราคนหนึ่ง มีที่ดินอยู่ เขาเอาที่ดินไปเข้าธนาคาร ซึ่งที่ดินจำนวนนี้ ตีราคาเป็นเงิน 75 ล้านบาท โอนเข้ามาเป็นของบริษัท คุณไปดูได้เลย แต่หุ้นส่วนเขาเกิดปัญหากันก่อน ไม่เข้าใจกันงานทุกอย่างก็หยุดไป”
ส่วนนางระพิพรรณ กล่าวเสริมว่า “ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. เราไม่เคยปิดบังอะไรอยู่แล้ว แต่เรื่องเกิดหลังจากเข้ามารับตำแหน่งก่อน ก็เลยไม่ได้แจ้ง”
นายอริสมันต์ ยังกล่าวชี้แจงถึงธุรกิจสายการบินว่า "ผมมีเพื่อนสนิทเป็นนักธุรกิจรายหนึ่ง ทำทัวร์จีนอยู่ ตอนหลังก็มีการคุยกันว่าจะเปิดสายการบิน เราก็บอกว่าเอาเลยเปิดเลย พอเครื่องบินเข้ามาเขาก็ชวนผมไปตรวจดูความเรียบร้อย และให้ช่วยแนะนำกัปตัน คนบริหารสายการบิน และทีมงานให้ ผมก็ช่วยแค่นั้น แต่ไม่ได้เข้าไปถือหุ้น อะไรกับบริษัทเลย ไม่เกี่ยวข้องอะไรเรื่องการเงินเลย ผมเพิ่งกลับเข้ามาประเทศไทยเพียงปีเดียว(ก่อนหน้านี้หนีไปต่างประเทศ) จะไปทำอะไรกับเขาได้"
นายอริสมันต์ ยังกล่าวยอมรับว่า เขามีความฝันที่จะทำธุรกิจสายการบินจริง และศึกษาเรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้ว รู้และเข้าใจระบบงานสายการบินหลายเรื่องเป็นอย่าง แต่ความเป็นจริงเขาคงทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือการช่วยเป็นธุระประสานงานเรื่องต่างๆ ให้ก็เท่านั้น
“ เรื่องธุรกิจสายการบิน ที่มันเป็นเรื่องขึ้นมา เป็นเพราะมีการไปโพสต์รูปถ่าย แล้วคนก็ไปเข้าใจผิดกัน เพราะมีคนจ้องจะเล่นผมอยู่แล้ว ก็เลยไปหยิบเป็นประเด็นขึ้นมา ซึ่งผมยืนยันได้เลยว่า มันไม่จริงหรอก เพราะหนึ่ง ผมไม่มีเงินเปิดสายการบินแน่นอน มันใช้เงินเยอะผมจะไปเอาเงินจากไหนมา สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ ก็แค่ช่วยเหลือเพื่อนฝูง ช่วยประสานงานให้ได้เครื่องบินที่ดี ตอนนี้ก็ช่วยหากัปตันดีๆให้ไปหลายคนแล้ว ผมมีพรรคพวกเยอะ”
ส่วนเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับ แฟรนไชส์ ลูกชิ้นเว้ยเฮ้ย กับ ราแมงเว๊ยเฮ้ย ของ บริษัท กู๊ดกาย คอร์ปอเรชั่น จำกัด นั้น นายอริสมันต์ กล่าวว่า อันนี้ก็ไม่ใช่บริษัทตนเช่นกัน เพียงแค่ไปช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำการทำธุรกิจให้พวกน้องๆ เท่านั้น
“ ตอนที่ผมกลับมาประเทศไทยใหม่ๆ เรามีน้องๆ พรรคพวก เยอะ ยังไม่มีอะไรทำกัน เราก็ไปติดต่อโรงงานลูกชิ้น ช่วยเหลือเรื่องการติดต่อธนาคารให้ พวกเขาก็ไปกู้เงินมาทำกันเอง เราแค่ให้คำปรึกษาเท่านั้น อารมณ์เหมือนเป็นพี่ใหญ่ น้องคนไหน มีปัญหาอะไรก็มาให้ช่วย เขาทำได้เท่าไร ก็ไปแบ่งกัน เราไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
เมื่อถามว่า แต่ภาพที่ปรากฏผ่านยูทูป ในงานวันเปิดตัวบริษัท เหมือนเป็นเจ้าของเอง นายอริสมันต์ ตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอก ใครจะคิดอะไรก็คิดไป แบบนี้ก็ดี ดังดี จะได้มีคนรู้จักเยอะ ลูกค้าเยอะๆ ซึ่งน้องๆผมก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจ แต่หลายคน ก็ไม่สำเร็จ เพราะเวลามีกิจกรรมอะไร ก็ไปรวมไปทำกับเขาหมด ไม่อยู่ขายของ ธุรกิจมันก็ไปไม่ได้”
เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ แค่เขาไปช่วยเหลือให้คำปรึกษา นายอริสมันต์ ตอบว่า "ผมแค่ให้ความช่วยเหลือ ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับบริษัทเขาเลย อย่างเรื่องธุรกิจสายการบิน พอเป็นข่าวขึ้นมา ผมก็ต้องรีบโทรไปขอโทษเขา ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น เขาก็เข้าใจ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เราสนิทกันมาก"
“ผมเรียนมาจนถึงวันนี้ ผมมีเพื่อนเยอะ ทั้งตำรวจ ทหาร นักธุรกิจ เป็นศาล เป็นอัยการ เราคบกันคุยกัน ก็เปิดใจกัน เพื่อนผมหลายคนเป็นมหาเศรษฐี ผมช่วยอะไรได้ ติดต่อใครได้ผมก็ช่วย”
เมื่อถามย้ำว่า การเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางธุรกิจ ได้อะไรตอบแทน นายอริสมันต์ ตอบว่า “ไม่ได้อะไรมากหรอก คือเราเป็นเพื่อนกัน แต่บางครั้งเขาก็ช่วยเรื่องการต่อสู้คดีความ ช่วยเหลือเรื่องค่าทนาย คุณรู้ไหมที่ผ่านมาผมต้องไปศาลสัปดาห์ละ 4 วัน มันหนักแค่ไหน ที่ผ่านมาก็อยากจะเก็บตัวเงียบๆ เพื่อเคลียร์เรื่องเก่าในอดีตให้หมดก่อนก็เท่านั้น"
เมื่อถามย้ำว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า มาเป็นแกนนำคนเสื้อแดง มาสู้แล้วรวย นายอริสมันต์ ตอบว่า “อาจจะมีคนอื่นสู้แล้วรวย แต่ผมสู้แล้วจน เพราะผมรับผิดชอบ ในสิ่งที่ผมทำ เช่น เรื่องโรงแรมที่พัทยา เขาเรียกค่าเสียหายมาหลายล้าน เราก็ต้องจ่าย คนที่ตกงาน เดือนร้อน เราก็ช่วย”
เมื่อถามว่า จริงๆ แล้ว คนชื่ออริสมันต์ รวยไหม นายอริสมันต์ ตอบว่า "ตอนเป็นศิลปินผมรวยกว่าเยอะ แต่ตอนนี้ไม่รวยหรอก"
เมื่อถามว่า ทุกวันนี้ มีรายได้จากไหน มาใช้ในการดำรงชีวิต ภรรยาก็ไม่ได้เป็น ส.ส.แล้ว นายอริสมันต์ ตอบว่า “ผมมีพี่สาว มีพี่ชาย เขาทำธุรกิจรับเหมา พอจะมีเงินอยู่บ้าง ญาติพี่น้องก็มี เขาก็บอกมาว่า อยากได้เท่าไรบอกมา มีอะไรเขาก็ช่วย ให้เงินมาใช้ แต่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา และผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรด้วย เพราะกลัวว่าเขาจะเสียหายด้วย ”
เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวว่า คนจากแดนไกล ให้เงินแกนนำเป็นหลักร้อยล้านมาแบ่งกัน นายอริสมันต์กล่าวว่า ถ้ามีแบบนั้นจริงๆ ก็ดีซิ แต่นี่มันไม่มี มันไม่ได้กันเลย
“มีคนชอบพูดว่า พวกผมเป็นพวกรับจ้างมาสู้ สู้เพื่อเงิน แต่จริงๆ มันไม่ใช่ ผมลุกขึ้นมาต่อสู้กันด้วยอุดมการณ์ ไม่เกี่ยวกับเงินเลย”
“ ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ คนอย่างอริสมันต์ ถ้าทำอะไรสักอย่าง ผมเปิดเผยหมด ไม่มีปิดบัง ผมไม่ต้องมาทำอะไรแบบแอบๆ ซ่อนๆ หรอก ถ้าผมทำจริงผมเปิดเผยหมดอยู่แล้ว”
ขณะที่นางระพิพรรณ กล่าวย้ำว่า เกี่ยวกับปัญหาเรื่องธุรกิจสายการบิน ตนและสามี ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอะไร ไปดูข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทได้เลย ส่วนการโพสต์ภาพชุดผ่านทางเฟซบุ๊กของตน ก็เป็นเพียงแค่การโพสต์ภาพเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจสายการบินเท่านั้น เพื่อนช่วยเพื่อนทำไมจะทำไม่ได้ ซึ่งตอนนี้บริษัทเขาเสียหายมาก ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมด้วย
(อ่านประกอบ:ย้อน"บ.ราเมง"ปริศนา!"อริสมันต์”ก่อน"เมีย"โพสต์ภาพชุดโชว์ธุรกิจสายการบิน?)